เงินบาทปิด 30.27/28 อ่อนค่าตามแรงซื้อดอลล์ คาดสัปดาห์หน้า 30.10-30.50

"เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าช่วงบ่ายๆ หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุล ก็มีแรงเทขายบาทออกมา" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินมองทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนในสัปดาห์หน้าว่า ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า เนื่องจากคาดการณ์ว่าสหรัฐจะยุติมาตรการ QE3 เร็วกว่ากำหนด โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไว้ระหว่าง 30.10-30.50 บาท/ดอลลาร์

ส่วน THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ 30.2700 บาท/ดอลลาร์

*ปัจจัยสำคัญ

• เงินเยนอยู่ที่ระดับ 100.50 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 100.96 เยน/ดอลลาร์
• เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2970 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3043 ดอลลาร์/ยูโร
• ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,562.07 จุด ลดลง 19.25 จุด, -1.22% มีมูลค่าการซื้อขาย 75,638.29 ล้านบาท
• สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 374.86 ลบ.(SET+MAI)
• นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยภาวะเศรษฐกิจในเดือน เม.ย.56 ชะลอลงตามการใช้จ่ายภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกโดยรวมยังฟื้นตัวช้าจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สอดคล้องกับการผลิตของอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก และเมื่อประกอบกับปัจจัยชั่วคราวที่ผู้ผลิตในบางอุตสาหกรรมลดระดับการผลิตลงมากกว่าปกติตามนโยบายลดการใช้พลังงาน รวมทั้งประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมจึงหดตัว ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัวดีต่อเนื่อง

สำหรับด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวม อัตราเงินเฟ้อชะลอลง อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล ส่วนดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลจากการกู้ยืมเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินเพื่อบริหารสภาพคล่องของธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ และการเข้ามาลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างประเทศ

• ธปท.รายงานตัวเลขทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของไทย เมื่อวันที่ 23/24 พ.ค.56 อยู่ที่ 175.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากวันที่ 17 พ.ค.56 ที่ 174.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ฐานะฟอร์เวิร์ดสุทธิของไทย วันที่ 23/24 พ.ค.56 อยู่ที่ 23.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับวันที่ 17 พ.ค.56 อยู่ที่ 23.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศในรูปเงินบาท วันที่ 23/24 พ.ค.56 อยู่ที่ 5,271.0 พันล้านบาท จาก 5,198.2 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 17 พ.ค.56
• กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) เผยธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) จะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ได้ หากรัฐบาลดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและฟื้นความแข็งแกร่งด้านฐานะการคลังของประเทศ ซึ่งอยู่ในภาวะย่ำแย่ที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
• สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น เผยการผลิตรถยนต์ในเดือน เม.ย.56 ลดลง 6.5% จากปีก่อน แตะที่ 747,730 คัน ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ส่วนการส่งออกรถยนต์ในเดือน เม.ย.ลดลง 1.1% แตะที่ 397,813 คัน ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 แล้ว
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี(Destatis) รายงานยอดค้าปลีกในเดือน เม.ย.56 ลดลง 0.4% จากเดือน มี.ค.56 ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเป็นอุปสรรคต่อการจับจ่ายของผู้บริโภค แต่หากเทียบกับช่วงเดือน เม.ย.55 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8%
• สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานของญี่ปุ่น เผยยอดนำเข้าน้ำมันดิบในเดือน เม.ย.56 ลดลง 6.2% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 110.64 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับตัวลดลงต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ผลผลิตหมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลง 0.1% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 15.05 ล้านกิโล ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ส่วนยอดขายน้ำมันในประเทศลดลง 1.2% แตะที่ 14.83 ล้านกิโล ทำสถิติลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส(Insee) เผยการใช้จ่ายของผู้บริโภคในดือน เม.ย.56 ลดลง 0.3% จากเดือน มี.ค.56 อันเป็นผลจากการใช้จ่ายด้านอาหารที่หดตัวลง 3.3% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากมีรายงานจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 39,800 คนในเดือน เม.ย.56 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 3.264 ล้านคน หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือน มี.ค.56 และพุ่งขึ้น 12.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลี(Istat) เผยอัตราว่างงานในเดือน เม.ย.56 พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12% โดยจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.83 ล้านคน ส่วนอัตราว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวพุ่งขึ้นมาแตะ 40.5% ซึ่งสูงสุดนับแต่เริ่มการสำรวจในปี 2520
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของยูโรโซน หรือยูโรสแตท รายงานอัตราว่างงานในเดือน เม.ย.56 ทะยานขึ้นมาอยู่ 12.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่นับแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลเมื่อ 18 ปีก่อน โดยจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 95,000 คน ทำให้มียอดคนตกงานในยูโรโซนจำนวนทั้งสิ้น 19.38 ล้านคน ส่วนอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแตะ 1.4% ในเดือน พ.ค.56 จาก 1.2% ในเดือน เม.ย.56 ซึ่งยังคงต่ำกว่าเป้าที่ 2% ของธนาคารกลางยุโรป(ECB)