ยอดสั่งซื้อเดือนเม.ย.นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของกิจกรรมในภาคการผลิต หลังจากที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานเมื่อวันจันทร์ว่ากิจกรรมในภาคการผลิตของสหรัฐลดลงแตะ 49.0 ในเดือนพ.ค. จาก 50.7 ในเดือนเม.ย. โดยระดับที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตเผชิญกับภาวะหดตัว ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับแต่เดือนพ.ย.2555 หรือในรอบ 6 เดือน
สำหรับยอดสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนมี.ค.ถูกปรับทบทวนจากรายงานก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค.ลดลง 4.9%
ยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดในเดือนเม.ย.เป็นผลมาจากยอดสั่งซื้อสินค้าไม่คงทน อาทิ อาหาร ผลิตภัณฑ์กระดาษ ปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ถ่านหิน ซึ่งร่วงลง 1% ขณะที่ยอดสั่งซิ้อสินค้าคงทน ซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาแพงและมีอายุการใช้งานอย่างน้อย 3 ปี เช่น คอมพิวเตอร์ รถยนต์ และเครื่องจักร เพิ่มขึ้น 3.5%
สำหรับยอดสั่งซื้อสินค้าทุนนอกภาคกลาโหมซึ่งไม่รวมอากาศยาน หรือที่เรียกว่าสินค้าทุนหลัก ปรับตัวขึ้น 1.2% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมี.ค. โดยนักเศรษฐศาสตร์จับตาดูสินค้าหมวดนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นข้อมูลที่ใช้ประเมินแผนการลงทุนทางธุรกิจ โดยยอดสั่งซื้อในหมวดนี้ร่วงลงถึง 4.8% ในเดือนก.พ.
หากไม่รวมยอดสั่งซื้อสินค้าด้านการขนส่งที่มีความผันผวน ปรากฏว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานขยับลง 0.1% ในเดือนเม.ย. หลังจากที่ลดลง 2.8% ในเดือนมี.ค.