ทั้งนี้ โดยปกติแล้วเมื่อมูลค่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่นักเศรษฐศาสตร์บางรายคาดว่า ภาคธุรกิจอาจจะปรับลดสต็อกสินค้าคงคลังในอนาคตอันใกล้นี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัว
ส่วนยอดขายสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจขยับลง 0.1% ในเดือนเม.ย. ซึ่งน้อยกว่าเดือนพ.ค.ที่ร่วงลงรุนแรงถึบง 1.2% ทั้งนี้ การปรับตัวลงของยอดขายจะทำให้ภาคเอกชนต้องใช้เวลานานกว่า 1 เดือนจึงจะสามารถระบายสินค้าออกจากสต็อกได้หมด
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจมีส่วนช่วยหนุนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาสแรก ซึ่งเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของจีดีพีที่แท้จริงประจำไตรมาส 1/2556 โดยระบุว่าจีดีพีไตรมาสแรกขยายตัว 2.4% ลดลงจากที่ประมาณการไว้ครั้งแรกว่าขยายตัว 2.5% สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐโดยอัตโนมัติ (sequestration)