(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 31.05/07 แข็งค่าตามภูมิภาค รอดูตัวเลขศก.สหรัฐฯ-สถานการณ์ในอียิปต์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 4, 2013 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.05/07 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.09/11 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามค่าเงินในภูมิภาค เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
"ปรับตัวแข็งค่าจากช่วงท้ายตลาดเย็นวานนี้เล็กน้อย ยังเคลื่อนไหวตามภูมิภาค เพราะ theme ยังไม่เปลี่ยน" นักบริหารเงิน กล่าว

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินเป็นเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจ และสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในประเทศอียิปต์ แต่แนวโน้มระยะยาวยังเป็นปัจจัยเดิมที่จะมีการชะลอมาตรการ QE

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้จะอยู่ในกรอบระหว่าง 31.00-31.20 บาท/ดอลลาร์

"กรอบเดิมอยู่ในหลายวันแล้ว แนวต้านแรกอยู่ที่ 31.10 บาท/ดอลลาร์ หากหลุดไปได้ก็มีโอกาสไปแตะ 31.20 บาท/ดอลลาร์ที่เป็น high เดิม ส่วนแนวรับ 31.00 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ 31.0770 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.15299%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 99.90 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นงานนี้ที่ระดับ 99.80 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2998 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2960 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.วันนี้อยู่ที่ 30.0630 บาท/ดอลลาร์
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.56 อยู่ที่ 81.6 ลดลงจาก 82.5 ในเดือน พ.ค.56 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 71.8 ลดลงจาก 72.8 ด้านดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 73.5 ลดลงจาก 74.4 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 99.3 ลดลงจาก 100.4 ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการ และเป็นการปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
  • กระทรวงยุทธศาสตร์ และการเงินของเกาหลีใต้ เผยอุตสาหกรรมบริการของเกาหลีใต้ยังคงสามารถสร้างงานได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตในระดับต่ำ และศักยภาพในการแข่งขันจะอ่อนแอก็ตาม ขณะที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศมุ่งเน้นกลุ่มผู้ผลิตเพื่อการส่งออก โดยลูกจ้างในภาคบริการมีจำนวน 17.18 ล้านรายในปี 2555 ซึ่งมากกว่าจำนวน 8.44 ล้านรายในปี 2533 ถึง 2 เท่า และนับเป็นเรื่องที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงสำหรับผู้ผลิต เนื่องจากจำนวนลูกจ้างลดลงจาก 4.99 ล้านราย แตะที่ 4.1 ล้านรายในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ถึงแม้ภาคบริการจะสร้างงานอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมีกำลังการผลิตที่ต่ำลง โดยกำลังการผลิตต่อหัวของแรงงานเพิ่มขึ้นจาก 29.5 ล้านวอน (25,800 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2547 สู่ระดับ 38.6 ล้านวอนในปี 2554 ซึ่งนับว่าช้ากว่ากำลังการผลิตของผู้ผลิตที่พุ่งขึ้นจาก 49.3 ล้านวาน แตะที่ 85.1 ล้านวอนอยู่มาก เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกัน
  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวลงเช้านี้ จากแรงซื้อของนักลงทุน ท่ามกลางเหตุวุ่นวายทางการเมืองในอียิปต์และวิกฤติหนี้ในยูโรโซน โดยพันธบัตรหมายเลข 329 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ระดับ 0.875% ลดลง 0.005% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปีส่งมอบเดือนกันยายน ปรับตัวขึ้น 0.08 จุด แตะที่ระดับ 142.43 ในตลาดโตเกียว
  • นายสุรงค์ บูลกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย เผยผลสำรวจ CEO Survey Economic Outlook ครึ่งหลังปี 56 ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่ 57% เห็นว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจของไทย(จีดีพี)ในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 4.5% ขณะที่ผู้ที่ถูกสำรวจ 1 ใน 4 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 4.5-5.0% ซึ่งต่ำกว่าผลสำรวจเมื่อครั้งที่ผ่านมาที่ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะสูงกว่า 4.5% เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุด โดยให้น้ำหนักที่วิกฤตยุโรป 50% การชะลอตัวเศรษฐกิจจีน 28% และปัญหาทางการคลังสหรัฐอเมริกา 22% ส่วนปัจจัยด้านเสถียรภาพทางการเมืองและนโยบายของรัฐบาลยังอยู่ใน 3 อันดับแรกของปัจจัยเสี่ยงที่ผู้บริหารเห็นว่ามีผลต่อการขยายตัวของจีดีพี เช่นเดียวกับกับความผันผวนของค่าเงินบาท การลดลงของกำลังซื้อในประเทศ ที่เพิ่มขึ้นจากอันดับ 7 มาเป็นอันดับที่ 5 ขณะที่ค่าแรงลดลงจากอันดับ 5 ไปเป็นอันดับ 8
  • ซีไอเอ็มบี ไทย ประเมินสหรัฐฯ ลดวงเงิน-ยกเลิก QE ไม่ทันปลายปีนี้-กลางปีหน้า เหตุเศรษฐกิจโลกยังไม่เอื้อ ทำภาวะเงินทุนผันผวนอีกระลอก พร้อมปรับลดประมาณการจีดีพีไทยเหลือ 4-4.50% เหตุบริโภค-ลงทุนฝืดทั้งภาครัฐ-เอกชน
  • นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกกังวลต่อปริมาณเงินทุนที่ไหลออกในช่วงนี้ เพราะยังเชื่อมั่นสถานการณ์ดีกว่าช่วงที่เงินทุนไหลเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากการเก็งกำไรระยะสั้น และเชื่อว่าสภาพคล่องในระบบยังมีเพียงพอดูแลเงินทุนไหลเข้า-ออกได้ดี แต่ก็ฝากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ช่วยดูเรื่องเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยด้วย ส่วนความผันผวนกับตลาดหุ้นเป็นของคู่กัน มั่นใจตลาดหุ้นไทยมีศักยภาพมากพอ จะหายผันผวนและปรับตัวรุนแรงลดลงแน่นอน
  • ธปท.ระบุไทยเนื้อหอม แบงก์นอกจ่อยื่นใบสมัครอยากตั้งในไทยเพียบ “เกาหลี—ออสเตรเลีย" ตัวเต็งขอตั้งแบงก์ลูกรายใหม่ ขณะที่แบงก์มาเลเซีย ญี่ปุ่น สนใจทั้งแบงก์ใหม่ และเป็นพันธมิตรกับแบงก์เก่าในไทย ทั้ง 2 ด้าน คาดรู้ผลไม่เกินกลางปีหน้า
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้(3 ก.ค.) ท่ามกลางความวิตกที่เพิ่มมากขึ้นว่าความปั่นป่วนในอียิปต์จะกระทบการส่งออกน้ำมันจากตะวันออกกลาง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ แตะที่ 101.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดปรับขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ที่ 105.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้(3 ก.ค.) จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในโปรตุเกส และหลังจากที่ความวุ่นวายในอียิปต์ได้ผลักดันราคาน้ำมันดิบให้พุ่งขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วง 0.6% ปิดที่ 285.46 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 40.56 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 3,702.01 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีอ่อนแรงลง 81.45 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 7,829.32 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนรูดลง 74.07 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 6,229.87 จุด
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้(3 ก.ค.) หลังมีการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมในภาคบริการของสหรัฐชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความรุนแรงในอียิปต์ และปัญหาการเมืองในโปรตุเกสด้วย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค.ปรับตัวขึ้น 8.50 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ 1,251.90 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทัพอียิปต์ได้เข้ายึดอำนาจและขับประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี ออกจากตำแหน่ง พร้อมกับแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญสูงสุดให้บริหารประเทศเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ขณะที่นายมอร์ซีเปิดเผยในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งที่มีการเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์อัล จาซีราเมื่อเย็นวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยระบุว่าเขายังคงเป็นประธานาธิบดีของอิยิปต์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  • กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ รายงานยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐในเดือน พ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกลดลง โดยยอดขาดดุลการค้าทั้งหมดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน พ.ค. หรือ 12% จาก 4.01 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน เม.ย. โดยนับเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.55
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงพุ่งขึ้น 102 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,730 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือเทียบเท่ากับ 1,268.86 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ