ศูนย์วิจัยฯ เผยผู้ค้าเชื่อครึ่งปีหลังราคาทองคำอยู่ที่ 1,300-1,400 ดอลล์

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 5, 2013 13:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยทองคำ เผยผลสำรวจผู้ค้าและโบรกเกอร์ทองรายใหญ่ 6 แห่งคาดราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ในกรอบระหว่าง 1,300-1,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ(Gold Price Sentiment Index) ในเดือน ก.ค.56 ยังซบเซา สะท้อนมุมมองนักลงทุนและผู้ค้าในประเทศยังไม่เชื่อราคาทองคำจะปรับขึ้นในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า สาเหตุกังวลเรื่องค่าเงินบาทและสหรัฐชะลอมาตรการ QE
"ผู้ค้าเชื่อราคาเฉลี่ยราคาทองครึ่งปีหลังอยู่ระหว่าง 1,300-1,400 เหรียญ/ออนซ์ โดยมีประเด็นที่จะกระทบราคาทองคำอยู่ 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การชะลอมาตรการ QE ของสหรัฐฯ 2.ทิศทางค่าเงินบาท 3.การขายของกองทุนขนาดใหญ่ 4.เศรษฐกิจเอเชียที่เริ่มมีการชะลอตัว และประเด็นสุดท้ายคือการเก็งกำไรในตลาด" ศูนย์วิจัยทองคำ ระบุ

ทั้งนี้ บริษัท คลาสสิก โกลด์ จำกัด คาดราคาทองคำเฉลี่ยครึ่งปีหลังที่ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์, บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ให้ราคาที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์, ห้างขายทองจินฮั้วเฮง 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์, บริษัท แม่ทองสุก จำกัด 1,325 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์, บริษัท วายแอลจี แอนด์ บูลเลี่ยน จำกัด 1,350 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และบริษัท ออสสิริส จำกัด 1,350 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือน ก.ค.56 อยู่ที่ระดับ 33.77 จุด เพิ่มขึ้น 0.86 จุดจากเดือนมิถุนายน หรือร้อยละ 2.6 โดยค่าดัชนีฯ ยังสะท้อนมุมมองที่มีผลต่อราคาทองคำในเชิงลบ

"แม้จะยังมีมุมมองในเชิงลบต่อราคา แต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีสะท้อนว่าเริ่มเชื่อว่าราคาปรับตัวลงมามากพอสมควรและอาจจะเหลือช่วงของการพักตัวในกรอบไม่สูงมากนัก"นายกมลธัญ กล่าว

หากแยกตามประเภทของกลุ่มตัวอย่างจะพบว่า กลุ่มผู้ค้ายังมีความเชื่อมั่นต่อราคาทองคำสูงกว่ากลุ่มนักลงทุนแม้จะยังอยู่ในเชิงลบ โดยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเฉพาะกลุ่มนักลงทุนอยู่ที่ 33.23 จุด และดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเฉพาะกลุ่มผู้ค้าอยู่ที่ 36.26 จุด

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในระยะสามเดือนข้างหน้ายังสะท้อนมุมมองเชิงลบ โดยค่าดัชนีอยู่ที่ 44.88 จุด ลดลง 1.38 จุดจากการสำรวจในเดือนก่อน หรือลดลง 2.98% สะท้อนว่าในระยะสามเดือนข้างหน้ากลุ่มตัวอย่างยังไม่เชื่อว่าราคาทองคำจะสามารถกลับสู่ขาขึ้นได้ แต่เมื่อวัดจากระดับดัชนีที่อยู่ใกล้ระดับ 50 จุด อาจจะสะท้อนว่าแม้จะไม่ได้มองราคาทองคำในเชิงบวกแต่ยังเชื่อว่าอาจจะฟื้นตัวได้ในระยะกลาง โดยปัจจัยที่กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าจะมีผลต่อทิศทางราคาทองคำในเดือน ก.ค.ได้แก่ ค่าเงินบาท การชะลอมาตรการ QE

"การชะลอมาตรการ QE จะมีผลต่อราคาทองคำมากที่สุด รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีความผันผวนอย่างมาก ซึ่งอาจจะกระทบต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศในช่วงครึ่งปีหลังนี้ได้ และเรื่องของดีมานด์-ซัพพลาย โดยเฉพาะดีมานด์ของเอเชียที่ลดลงจากเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว และจากการจำกัดการนำเข้าของประเทศอินเดีย อีกทั้งเรื่องของวิกฤตหนี้ยูโรโซน" นายกมลธัญ กล่าว

ทั้งนี้ มองว่า 3-6 เดือนข้างหน้านี้ราคาทองคำจะยังเป็นขาลง เนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐฯที่ยังมีปัญหาเรื่องของเพดานหนี้ และ EU ที่ยังมีปัญหาของภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสปรับฐานเพิ่นขึ้นได้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองที่รุนแรงในประเทศอียิปต์จะมีผลต่อราคาทองคำในระยะสั้นตามราคาน้ำมันที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่จากเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ทำให้ประเมินว่าการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันอยู่ในกรอบจำกัด

"นักลงทุนที่จะลงทุนในช่วงขาลงยังคงลงทุนได้อยู่ แต่ต้องปรับเปลี่ยนเป็นการลงทุนในระยะสั้น และขายทำกำไรออกไป แต่การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดก็ตาม นักลงทุนควรศึกษา วิธีการ และกระบวนการก่อนการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในทองคำหรือทองคำแท่ง"นายกมลธัญ กล่าว

ด้านนายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ผู้ค้าทองคำมีความเห็นว่าราคาทองคำในตลาดโลกช่วงเดือน ก.ค.โดยรวมจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,150-1,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยกรอบการเคลื่อนไหวกรอบล่างจะอยู่ระหว่าง 1,150-1,190 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่กรอบบนระหว่าง 1,300-1,320 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ส่วนราคาทองคำในประเทศคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบหนึ่งบาททองคำที่ 17,000-20,5000 บาท โดยกรอบการเคลื่อนไหวด้านล่างกลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักระหว่าง 17,300-17,600 บาท ขณะที่กรอบด้านบนให้น้ำหนักระหว่าง 19,300-19,600 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยมีประเด็นเรื่องของการชะลอมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯเป็นแรงกดดันสำคัญ ขณะที่ความผันผวนของค่าเงินบาทเชื่อว่าจะกระทบต่อราคาทองคำในประเทศเดือนนี้ ทั้งนี้นักลงทุนยังต้องติดตามการขายทองคำของกองทุนขนาดใหญ่และการเก็งกำไร

"ความคิดเห็นผู้ค้าทองคำในเดือน ก.ค.มองฟื้นตัวสลับทรงตัว และคาดว่าราคาทองคำในประเทศจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับราคาทองคำเดือน มิ.ย.และอาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อยระหว่างเดือน โดยกรอบสูงสุดจะอยู่ระหว่าง 1,300-1,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ แต่มีความถี่หนาแน่นบริเวณ 1,300-1,320 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ กรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดให้น้ำหนักระหว่าง 1,150-1,230 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และมีค่าเฉลี่ยหนาแน่นบริเวณ 1,150-1,190 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์" นายภูษิต กล่าว

ขณะที่นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ(บริษัท ห้างหุ้นขายทองจินฮั้วเฮ็ง จำกัด) กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำครึ่งปีหลังจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในกรอบ 1,400-1,500 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และอาจจะเคลื่อนไหวสูงสุดในปีนี้ได้ที่ระดับ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

"กระแสข่าวจากกองทุนต่างประเทศว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงนี้ ซึ่งหากนักลงทุนได้เห็นข้อมูลที่แท้จริงของกระแสข่าวจากกองทุนต่างประเทศว่าเป็นแค่การปั่นราคาเพื่อเก็งกำไร นักลงทุนก็จะกลับมารับรู้ราคาที่แท้จริง และจะทำให้ราคาทองปรับเพิ่มสูงขึ้นได้ จึงแนะนำนักลงทุนอย่าตกใจ อย่าลงทุนเกินตัว ควรลงทุนให้เหมาะสม"นายจิตติ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ