เงินบาทปิด 31.08/10 แข็งค่า หลังดอลล์อ่อน ตลาดรอการแถลงของเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 16, 2013 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 31.08/10 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.12/14 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทลงไปทดสอบระดับต่ำสุดคือ 31.03 บาท/ดอลลาร์
"มีช่วงบ่ายที่เงินบาทขยับลงไปถึง 31.03 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าตามทิศทางดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุล เหตุผลหลักๆคือ มีการคาดการณ์กันว่าในการประชุมเฟดวันพรุ่งนี้ไม่น่าจะมีอะไร คนที่ก่อนหน้านี้ Long ดอลลาร์กันมาเยอะเพราะกลัวว่าเฟดจะมีการยกเลิกมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ก่อนกำหนด แต่ตอนนี้เริ่มคลายกังวลก็เลยลดการถือครองดอลลาร์กัน แต่ยังไม่ถึงกับ Short สถานะ"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่าแนวโน้มเงินบาทวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัดระหว่าง 31.00-31.20 บาท/ดอลลาร์ จับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 99.67 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่อยู่ที่ระดับ 99.77 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3080 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.3067 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,451.45 จุด ลดลง 3.95 จุด, -0.27% มูลค่าการซื้อขาย 35,022 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 567.12 ลบ.(SET+MAI)
  • นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังคณะผู้บริหารจาก บริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับเครดิตเข้าพบ เป็นเพียงการพูดคุยเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาค รวมถึงมุมมองเครดิตภายในประเทศ พร้อมยืนยันรัฐบาลจะเดินหน้าลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาทตามที่ได้วางแผนงานไว้ โดยจะดูแลหนี้สาธารณะไม่ให้เกิน 50% ต่อผลผลิตมวลรวมในประเทศ(จีดีพี) และมีเป้าหมายที่จะจัดทำงบสมดุลภายในปี 60
  • มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุว่า ธนาคารต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิคอยู่ในภาวะที่ยืดหยุ่นหลังจากเผชิญวิกฤตการเงินโลก และก็ยังอยู่ในอันดับความน่าเชื่อถือระดับสูงสุดของธนาคารระดับโลกได้ โดยระบบธนาคารในเอเชียนั้น ดำเนินงานในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยมาเป็นเวลานาน ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ การขยายตัวที่คึกคักของเศรษฐกิจ และการเติบโตด้านสินเชื่อที่แข็งแกร่ง

ในสถานการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มว่าจะคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณนั้น การถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว จะถือเป็นการทดสอบคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารในเอเชียในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ปัจจัยอื่นๆในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่จะมีผลต่อสินเชื่อ ได้แก่ นโยบายอาเบะโนมิคส์ในญี่ปุ่น การสร้างสมดุลของเศรษฐกิจจีน และจุดยืนของหน่วยงานกำกับดูแลกลไกด้านธนาคารในเอเชีย

  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA เนื่องจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยความน่าเชื่อถือของ EFSF นั้น ขึ้นอยู่กับประเทศที่ทางกองทุนได้ให้เงินช่วยเหลือ ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน
  • โนมูระ ซิเคียวริตี้ ปรับลดคาดการณ์ GDP จีนในปี 2557 ลงเหลือ 6.9% จากที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้าไว้ที่ 7.5%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ