วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวไม่มากนัก โดยระหว่างวันเงินบาทแข็งค่าสุดที่ 31.18 บาท/ดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ 31.27 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากวันนี้ไม่ค่อยมีปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเงินบาทมากนัก ประกอบกับจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดต่อเนื่อง 3 วัน
ขณะที่แนวโน้มสัปดาห์หน้าในตลาดยังคงมีแรงซื้อดอลลาร์อยู่ ขณะเดียวกันก็เริ่มจะมีแรงขายดอลลาร์ด้วย จึงมองว่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าได้อีก แต่คงไม่แข็งค่าจนหลุดระดับ 31 บาท/ดอลลาร์
นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.10 - 31.40 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องติดตามยังเป็นเพียงตัวเลขเศรษฐกิจทั่วไปของสหรัฐฯ ในขณะที่ปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรที่โดดเด่นนัก แต่อาจต้องจับตาราคาทองคำที่อาจจะผันผวนได้
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 96.51 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าอยู่ที่ระดับ 96.62 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3380 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าอยู่ที่ระดับ 1.3381 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,432.25 จุด ลดลง 14.91 จุด, -1.03%
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,351.91 ลบ.(SET)
- ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดปรับตัวขึ้นในวันนี้ เพราะได้แรงหนุนจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งเกินคาดของจีน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.3% แตะที่ 304.94 จุด เมื่อเวลา 8.08 น.ในลอนดอน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.88% จากเดือนมิ.ย. และหากเทียบรายปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น 9.7% หลังจากเพิ่มขึ้นในอัตรา 8.9% ในเดือนมิ.ย.
- สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน เผยยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์อเนกประสงค์ และรถ SUV ในจีน เพิ่มขึ้น 10.5% สู่ระดับ 1.24 ล้านคันในเดือนก.ค. หลังผู้ผลิตรถยนต์เพิ่มกำลังการผลิตและตัวแทนจำหน่ายจัดโปรโมชั่นลดราคาเพื่อเคลียร์สต็อก
- นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัท ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์เปอเรชั่น (CICC) ประเมินว่าการส่งออกของจีนจะยังคงเผชิญความกดดันในช่วงขาลงในครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งแม้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายนอก แต่การปรับตัวขึ้นสูงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนในช่วง 2 ปีนี้จะจำกัดการดีดตัวของการขยายตัวด้านการส่งออกของจีน
- สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุ เผยผลสำรวจความเชื่อผู้บริโภคญี่ปุ่นเดือนก.ค. ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากค่าไฟและราคาเชื้อเพลิงสูงขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินเยน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยยอดหนี้สาธารณะซึ่งรวมถึงเงินที่กู้ยืมมา เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบรายไตรมาส สู่ระดับ 1,008.6 ล้านล้านเยน (10.46 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 ซึ่งภาระหนี้สินมหาศาลดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ เนื่องจากในเดือนหน้าเขาต้องตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการขึ้นภาษีการขาย 2 เท่าเพื่อฟื้นฟูสถานะทางการคลังของรัฐหรือไม่ ขณะที่การขึ้นภาษีจะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงได้
- ธนาคารกลางออสเตรเลีย ปรับลดแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัว 2.25% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 3 เดือนที่แล้วว่า จีดีพีจะขยายตัว 2.50%