นายมนตรี กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ไม่ค่อยมีปัจจัยบวกมากนัก ขณะเดียวกันเริ่มมีความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและการชุมนุมทางการเมือง ทำให้เชื่อว่า กนง.จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมต่อไปจนกว่าจะถึงช่วงปลายไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ น่าจะกระเตื้องขึ้น ขณะที่กลุ่มสหภาพยุโรปก็เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่าดีขึ้น
"ปลายๆ ปีอาจจะได้เห็น ถ้าจะมีการปรับก็คงจะบวกขึ้นนิดเดียว ไม่น่าจะลงแล้ว"นายมนตรี กล่าวนายมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีภารกิจหลักในการดูแลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ และอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญ ดังนั้นปัจจัยที่จะนำมาพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยก็ต้องคำนึงถึงภารกิจหลักเป็นสำคัญ ขณะที่หน่วยงานด้านเศรษฐกิจอื่น เช่น กระทรวงการคลัง จะเน้นเรื่องอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงอาจมีมุมมองที่แตกต่างกันไป
และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีเม็ดเงินงบประมาณภาครัฐออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งภาครัฐเองมีนโยบายที่จะเร่งรัดการเบิกจ่าย และกระตุ้นการใช้จ่ายภาคเอกชน เช่น การหักลดหย่อนการจัดฝึกอบรมสัมมนา
"น่าจะชดเชยในไตรมาสสุดท้าย ไตรมาสนี้ก็ไม่น่าวิตกมาก" นายมนตรี กล่าว