โดยล่าสุดเงินบาทยังอ่อนค่าต่อลงไปอยู่ที่ระดับ 31.55/57 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงเป็นเพราะนักลงทุนมีความกังวลกับตัวเลข GDP ในไตรมาส 2/56 ที่ขยายตัวเพียง 2.8% ซึ่งต่ำกว่าที่คาด ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ยังได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ในปี 56 ลงเหลือ 3.8-4.3% จากเดิม 4.2-5.2%
"ทิศทางเงินบาทวันนี้น่าจะอ่อนค่า เพราะเรื่องตัวเลข GDP ในบ้านเราเป็นสำคัญ ซึ่งไตรมาส 2 โตแค่ 2.8% ต่ำกว่าที่คาด ทำให้เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่ภูมิภาคค่อนข้างแข็งค่า" นักบริหารเงิน ระบุนักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.45-31.65 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.81/86 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 97.83 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเช้านี้ อยู่ที่ระดับ 1.3333/3336 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3350 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ 31.3436 บาท/ดอลลาร์
- แบงก์ยังคงประมาณการจีดีพีเติบโต แม้สภาพัฒน์จะหั่นลงรอบสองและคาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ห่วงหนี้ครัวเรือน-หวังส่งออกกระเตื้องช่วยหนุน
- สมาคมนักวิเคราะห์จ่อหั่นเป้ารายได้และกำไร บจ.ปีนี้ลง พร้อมลดประมาณการดัชนีสิ้นปี หลังสภาพัฒน์ ลดเป้าจีดีพีปีนี้เหลือโตต่ำ 4% ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ เปิดผลการดำเนินงาน บจ.งวดครึ่งแรกปี56 มีกำไรสุทธิ 409,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.74% ขณะไตรมาส2 มีกำไร 165,400 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 25.86%
- ปัจจัยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงวันนี้ มาจากนักลงทุนมีความกังวลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย หลังจากเมื่อวานสภาพัฒน์ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/56 ขยายตัวเพียง 2.8% เนื่องจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลง ขณะที่การส่งออกในไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก พร้อมกันนี้สภาพัฒน์ยังปรับลดคาดการณ์ GDP ทั้งปี 56 ลงเหลือ 3.8-4.3% จากเดิม 4.2-5.2%
- สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(19 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่ ซึ่งเฟดจะเผยแพร่รายงานการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาไทย
- ตลาดหุ้นเอเชียหดตัวลงเช้านี้ หลังตลาดหุ้นหลายแห่งตั้งแต่ญี่ปุ่นไปจนถึงออสเตรเลียปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมของเฟดด้วย
- ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนจะไม่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางพร้อมที่จะปล่อยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเคลื่อนไหวอย่างเสรี เพื่อที่จะเปิดเสรีตลาดการเงินอย่างเต็มรูปแบบ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 5.3 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ 1,365.7 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าสถานการณ์รุนแรงในประเทศอียิปต์อาจจะส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมัน
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 36 เซนต์ ปิดที่ 107.1 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 109.9 ดอลลาร์/บาร์เรล