เงินบาทปิด 31.81/83 อ่อนค่าต่อจากแรงซื้อดอลลาร์ พรุ่งนี้มีลุ้น 32 บาท

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 21, 2013 17:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.81/83 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.70 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าสุดในรอบ 1 ปี และทิศทางยังมีโอกาสอ่อนค่าได้ต่อ เนื่องจากยังมีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าลงเช่นกันเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยหลักที่นักลงทุนติดตามในช่วงนี้คือการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ว่าจะพิจารณาปรับลดขนาด QE ลงในช่วงเดือนก.ย.นี้หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเงินบาทก็จะมีโอกาสปรับอ่อนค่าต่อ

"ต้องติดตาม FOMC ดูว่าจะมีความชัดเจนหรือไม่ ที่คาดการณ์กันว่าใกล้สุดน่าจะเป็นในเดือนก.ย. ซึ่งถ้าชัดเจนบาทก็คงอ่อนค่าต่อ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า และมีโอกาสที่จะเข้าไปแตะระดับ 32 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.50 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 97.14 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3403 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3426 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,355.14 จุด ลดลง 15.72 จุด, -1.15%
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติ 6 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยให้น้ำหนักกับการขยายตัวของเศรษฐกิจมากขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน และเห็นว่าระดับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวยังเหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป
  • นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) มองว่า การที่ กนง.ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ถือเป็นการเป็นการตัดสินใจที่ดี แม้จะมีหลายฝ่ายมองว่าหากปรับลดดอกเบี้ยลงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้เกิดการลงทุนที่เพิ่มขึ้น แต่อีกฝ่ายมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะฟองสบู่ จึงต้องมีการตัดสินใจตามสถานการณ์เศรษฐกิจในเวลานั้นๆ เพื่อกำหนดนโยบายที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อระบบเศรษฐกิจ
  • ผลการสำรวจของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พบว่าในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของจีนมีความเชื่อมั่นที่ลดลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการดำเนินงานในอนาคต โดยดัชนีความเชื่อมั่นของ SME จีน ในไตรมาส 2 ปรับตัวลง 4.47 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก มาอยู่ที่ระดับ 52.04
  • รัฐวิสาหกิจ (SOEs) ของจีนมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ณ สิ้นเดือนก.ค. ซึ่งเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
  • ธนาคารกลางและกระทรวงการคลังเกาหลีใต้ รายงานวันนี้ว่า ฃหนี้สินต่างประเทศของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศซื้อพันธบัตรระยะยาวของเกาหลีใต้
  • สมาคมกลุ่มร้านค้าปลีกญี่ปุ่น เผยยอดขายในซูเปอร์มาร์เก็ตของญี่ปุ่นเดือนก.ค.ปรับตัวลดลง 0.5% จากปีก่อนหน้านี้โดยวัดจากฐานร้านประเภทเดียวกัน ซึ่งปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน เนื่องจากยอดขายเสื้อผ้าและเครื่องใช้ภายในบ้านอ่อนตัว

แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ