TMB มองดอกเบี้ยระยะสั้นมีโอกาสลงอีก 0.25%หลังศก.อ่อนแรง,คาดเป็นขาขึ้น Q4/57

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 12, 2013 10:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอาจลดได้อีกเล็กน้อย เนื่องจากภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยที่ดูอ่อนแรง ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำเฉลี่ยช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 2.47% ทำให้มีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจปรับลงได้อีกเล็กน้อย จากปัจจุบัน 2.50% เป็น 2.25% สำหรับการประชุมที่เหลืออีกสองครั้งในเดือนตุลาคม และพฤศจิกายนปีนี้

หลังจากนั้น TMB Analytics ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวไปจนถึงไตรมาสสามปีหน้าและจะเริ่มเป็นอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 57 ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่จะปรับตัวดีขึ้น และ อัตราดอกเบี้ยต่างประเทศที่กำลังปรับตัวเป็นขาขึ้นเช่นกัน

การปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในตลาดรองก็เป็นอีกตัวชี้วัดหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นไปของทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตได้ สังเกตจากสถิติที่ผ่านมาพบว่าส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนในตลาดรองของพันธบัตรอายุ 10 ปี กับ 1 เดือนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสักระยะหนึ่ง(ประมาณ 1 ปี)ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งสัญญาณเป็นช่วงขาขึ้นตามมา ซึ่ง ณ ขณะนี้ลักษณะส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้งสองดังกล่าวได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากที่เคยอยู่ใกล้ระดับร้อยละ 0 ในปี 54 มาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2 ในปัจจุบัน ดังนั้น จึงสามารถประเมินได้ว่า หากไม่มีสถานการณ์ผิดปกติรุนแรงจนกระทั่งกระทบกับภาวะเศรษฐกิจการเงินอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นก็จะเริ่มในราวไตรมาสสุดท้ายของปีหน้า

ส่วนภาวะสภาพคล่องในระบบธนาคารที่มีความโน้มเอียงตึงตัวจากยอดสินเชื่อได้เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาจนถึงครึ่งปีแรกนี้ ยังจะอยู่ในภาวะเดิมต่อไป แม้การปล่อยสินเชื่ออาจจะชะลอลงได้ในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ความต้องการเงินจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่ทยอยเริ่มขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยดึงสภาพคล่องต่อไปได้ จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นการปิดประตูดอกเบี้ยขาลง เห็นได้จากการเตรียมพร้อมสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์แทบทุกแห่งที่ไม่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ปัจจุบัน เนื่องจากเป็นช่วงที่ภาวะการลงทุนในสินทรัพย์ที่เคยให้ผลตอบแทนสูงๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตราสารทุน หรือ สินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เช่น ทองคำ มีความเสี่ยงทางลบมากกว่าทางบวก หรือ ยังมีความผันผวนสูงมากๆ การเลือกลงเงินฝากหรือกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ จึงมีความน่าสนใจ และ ผู้ออมก็สามารถทำให้การฝากเงินหรือซื้อกองทุนตราสารหนี้ มีผลตอบแทนที่มากขึ้นได้ โดยใช้เทคนิคการประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย พิจารณาช่วงจังหวะในการลงทุน ซึ่งจากการประเมินทิศทางดอกเบี้ยดังกล่าวข้างต้น การฝากเงินหรือลงทุนตราสารหนี้ในระยะอายุครบกำหนดไม่เกิน 1 ปี ไปก่อน เพื่อรอดอกเบี้ยกลับทิศเป็นขาขึ้นอีกในราวหนึ่งปีข้างหน้า เป็นกลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้

ดังนั้น หากผู้ออมหันมาติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่จะเป็นไปในอนาคต ที่ถึงแม้บางช่วงการพยากรณ์อาจจะคลาดเคลื่อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงไปบ้าง และ อาจทำให้จังหวะการออมไม่ได้ผลตอบแทนสูงสุดตามวัฏจักรดอกเบี้ยเสมอไป แต่ความเสี่ยงต่อการสูญเงินต้นนั้นมีน้อยมากหรืออาจกล่าวได้ว่าไม่มีเลยหากเป็นเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายกำหนด นี้จึงเป็นกลยุทธ์เล็กๆ น้อยๆ แต่มีความหมาย สำหรับผู้ออมที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อยหรือไม่ต้องการมีความเสี่ยงต่อเงินออม โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่กำลังจะเกษียณอายุในปลายเดือนนี้ ว่าจริงๆ แล้ว การออมในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากๆ ก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้ดีขึ้นได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ