นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้หารือกันในหลายเรื่อง เช่น การเปิดตลาดสินค้าและการค้าบริการ การลงทุน มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช อุปสรรคทางเทคนิคทางการค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดของสินค้า พิธีการทางศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ มาตรการเยียวยาทางการค้า และการค้าและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
"หลังจากประชุมที่เชียงใหม่เสร็จแล้ว คณะเจรจาจะหารือกับภาคเอกชน ประชาชน วิชาการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและอัพเดทท่าทีในการเจรจา โดยจะดูความเชื่อมโยงของแต่ละเรื่องที่เจรจาด้วย เช่น การคุ้มครองแรงงานและสิ่งแวดล้อมจะมีผลต่อเรื่องการลดภาษีสินค้าอย่างไรบ้าง หรือหากอียูยอมลดภาษีสินค้าผักผลไม้ให้ไทยแล้ว อียูจะต้องไม่ใช้มาตรการสุขอนามัยพืชและสัตว์ (เอสพีเอส) มากีดกันการนำเข้า เพื่อให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากการเจรจาในภาพรวม" นายโอฬารกล่าว