(เพิ่มเติม) ธปท.ชี้ตลาดเงินอ่อนไหวตามกระแสข้อมูลศก. แต่เชื่อเอกชนไม่ได้รับผลกระทบมาก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 20, 2013 13:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดเงินอ่อนไหว โดยการตอบสนองของนักลงทุนในตลาดเป็นไปตาม Data Dependence อย่างกรณีเฟดครั้งล่าสุด ตลาดตอบสนองสิ่งที่ออกมาเหนือความคาดหมาย ทำให้มีแรงเหวี่ยงค่อนข้างแรงเล็กน้อย
"การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นไปตามคาด ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนใน Emerging Market" นางจันทวรรณ กล่าว

แต่การประชุมครั้งต่อไปของเฟดที่จะมีขึ้นช่วงเดือน ธ.ค.เป็นช่วงใกล้เทศกาลวันหยุดยาว ไม่รู้ว่าตลาดจะตอบสนองเร็วและแรงกว่านี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่คาดการณ์ยาก

ส่วนผลกระทบค่าเงินบาทต่อเอกชนนั้น เชื่อว่า ไม่กระทบมากเพราะเอกชนมีการปรับตัวมากขึ้น ขณะที่ ธปท.ได้มีการเตือนเอกชนให้ปิดรับความเสี่ยง โดยการซื้อประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนต่อเนื่อง ขณะที่สถาบันการเงินก็มีเครื่องมือช่วยบริหารจัดการ ดังนั้นการปรับตัวของผู้ประกอบการก็ต้องตื่นตัวและรับฟังข้อมูลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

"ที่ผ่านมาตลาดมีการพัฒนาไปมากพอสมควร สามารถรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และเชื่อว่าในระยะต่อไปทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้น การถอนมาตรการ QE ที่เป็นนโยบายซึ่งนำมาใช้ในช่วงไม่ปกติก็ต้องยุติ หรือยกเลิก เพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ" นางจันทวรรณ กล่าว

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล. ภัทร กล่าวว่า การคงมาตรการ QE ของเฟด ถือว่าผิดความคาดหมายที่มองว่าเฟดจะลด QE ลง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จาก 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ตลาดการเงิน ตลาดทุน และตลาดทองคำผันผวนมาก ทำให้สภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมากไหลกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งไทยอีกครั้ง

“ราคาหุ้น ราคาทองคำ ปรับขึ้นทั่วโลก อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้น ดอกเบี้ยระยะยาวขยับสูงขึ้น แต่การปรับขึ้นของราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะยาวนานแค่ไหนไม่สามารถระบุได้ เพราะเชื่อว่าสหรัฐฯ ต้องลดขนาดและเลิก QE ในที่สุด โดยขณะนี้ตลาดจับตามองการประชุมของเฟดในเดือนธ.ค.นี้ อาจเริ่มลดขนาด QE หรือเลื่อนไปเป็นกลางปี 2557 ขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะฟื้นตัวในปี 2557 ส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ส่งออกปีหน้าคาดโต 5-7% จากปีนี้คาดโตเพียง 2% เศรษฐกิจโตได้ 4.8% จากปีนี้คาดโต 3.8%"นายศุภวุฒิ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ