ทั้งนี้ได้มีการแบ่งสินค้าเป็น 4 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.กลุ่มสินค้าที่ขยายตัวสูงแต่มูลค่าน้อย จำเป็นต้องกระตุ้นต่อเนื่อง เช่นเหล็ก เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจร เป็นต้น 2.กลุ่มสินค้าที่ขยายตัว ต้องรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ เช่น รถยนต์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น 3.กลุ่มสินค้าที่หดตัวแต่มูลค่ามาก ต้องแก้ไขเร่งด่วน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ น้ำมันสำเร็จรุป และยางพารา 4.กลุ่มสินค้าที่หดตัวแต่มูลค่ายังน้อย ต้องแก้ไขปัญหาถัดไป เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ข้าว เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น รวมถึงมีการเตรียมเฟ้นหาสินค้าที่ถือเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนที่มีมูลค่าในการส่งออกมากที่สุด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค.ปีนี้ การส่งออกสินค้าไปยังตลาดในอาเซียนสามารถขยายตัวได้มากยิ่งขึ้น แต่ในกลุ่มตลาดหลัก เช่น จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น กลับส่งออกได้ลดลง
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีจะเชิญผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจสปาและเครื่องสำอางค์มาหารือ ส่วนสัปดาห์หน้าจะนัดหารือกับผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวต่อไป