ADB ลดคาด GDP ไทยปี 56 เหลือโต 3.8%,ปี 57 โต 4.9% จับตาลงทุนภาครัฐล่าช้า

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 2, 2013 11:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า เอดีบีคาดปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.8% จากเดิมคาดไว้ที่ 4.9% จากนั้นในปี 57 จะขยายตัวในระดับ 4.9% ลดลงเล็กน้อยจากที่เคยคาดไว้ในระดับ 5% ทั้งนี้ อยู่บนสมมติฐานที่ภาครัฐสามารถเบิกจ่ายโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทได้มากขึ้น และเริ่มมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง 2 ล้านล้านบาทที่มีกำหนดระยะเวลา 7 ปีถึงปี 63 ช่วยให้เศรษฐกิจปีหน้าและปีต่อๆไปขยายตัวดีขึ้น
"เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ การส่งออกก็ชะลอตัวแรงกว่าที่คิด โดยปีนี้คาดจะขยายตัวได้เพียง 2% จากต้นปีคิดว่าน่าจะขยายตัวได้ 7% แต่ยืนยันไม่น่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนปี 40 ตามที่หลายฝ่ายกังวล แม้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะขาดดุล 3,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ในช่วงครึ่งแรกของปิ 56 แต่ประเมินว่าในปี 57 จะขาดดุลเพียงเล็กน้อยหรือสามารถกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้ ประกอบกับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูงเพียงพอรองรับการนำเข้าได้ 7.6 เดือน"นางลัษมณ กล่าว

อยางไรก็ตาม เอดีบียังคงติดตามความเสี่ยงจากการลงทุนภาครัฐที่อาจล่าช้าออกไปอีกจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า รวมถึงความเสี่ยงจากการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลัก และจีนที่อาจต่ำกว่าคาดการณ์ และยังต้องจับตามองสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่อาจกลับมาตึงเครียดอีก

ทั้งนี้ เอดีบีมองว่าการอุปโภคบริโภคในประเทศคงเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจได้ยาก เพราะดัชนีความเชื่อมั่นยังปรับตัวลดลง จากหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมากระทบต่อการบริโภค ดังนั้น พระเอกในขณะนี้คือการลงทุนภาครัฐ หากทำได้เต็มที่ในปีหน้าก็จะช่วยกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนตามไปด้วย ขณะที่ปัจจัยดอกเบี้ยนโยบายยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.5% ซึ่งเอื้อต่อการลงทุนอยู่แล้ว อีกทั้งผลพวงจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นน่าจะทำให้การส่งออกของไทยปีหน้าขยายตัวได้ในระดับ 7-8% และทำให้การลงทุนดีขึ้นตามไปด้วย

ส่วนผลกระทบจากปัญหางบประมาณของสหรัฐนั้น เอดีบีมองว่าภาวะ government shutdown จะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น ไม่น่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เพราะเป็นเพียงการต่อรองทางการเมืองภายในของสหรัฐ ซึ่งสุดท้ายเชื่อว่าทางการสหรัฐจะสามารถเจรจาตกลงในเรื่องนี้และการขยายเพดานหนี้ได้ในที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ