"หม่อมอุ๋ย" ย้ำจำนำข้าวขาดทุนกระทบฐานะการคลังประเทศ-เอกชนเปิดข้อมูลทุจริต 15 ต.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 9, 2013 16:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยระหว่างการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "แรงขับเศรษฐกิจฐานรากสู่การพัฒนาสังคมไทยที่ยั่งยืน" ในงานจรรยาบรรณดีเด่นหอการค้าไทยปี 2556 คนรุ่นใหม่กด Like คุณธรรมว่า นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลไม่ได้ช่วยกระจายรายได้ให้เกษตรกร แต่กลับเป็นผลเสียเพราะกระทบฐานะการคลังของประเทศ สร้างผลขาดทุนถึง 205,000 ล้านบาทต่อปี หรือรวมเป็น 410,000 ล้านบาทใน 2 ฤดูกาล ขณะที่เกษตรกรมีรายได้เพียง 80,000 ล้านบาท

ดังนั้น แนวทางที่จะสร้างการกระจายรายได้อย่างยั่งยืน ต้องเพิ่มฐานรายได้สินค้าเกษตร ด้วยการพัฒนาผลิตภาพ ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มรายได้แหล่งที่ 2 นอกเหนือจากการเกษตร เช่น พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เพิ่มมูลค่าในสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ซึ่งเศรษฐกิจฐานรากมีความมั่นคงมากกว่าการส่งออกมาก โดยขณะนี้หลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ลดพึ่งพาการส่งออก และเน้นพึ่งพาในประเทศ

ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) กล่าวว่า เครือข่ายฯ ได้ให้ข้อมูลกับรัฐบาลไปแล้วถึงจุดรั่วไหลในการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตที่สร้างผลเสียหายให้กับประเทศ เพราะงบประมาณจะหมดไปกับการชดเชยการรับจำนำข้าว แทนที่จะนำไปพัฒนาประเทศเพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว โดยในวันที่ 15 ต.ค.นี้ องค์กรฯ จะเปิดเผยข้อมูลทั้งปัญหาการขาดทุน การทุจริต การรั่วไหลในกระบวนการรับจำนำข้าวทั้งหมด

ขณะที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวมากขนาดนั้น เพราะใช้เงินรับจำนำปีละประมาณ 330,000 ล้านบาท คาดขาดทุนปีละประมาณ 100,000 ล้านบาท รวม 2 ปีราว 200,000 ล้านบาท และยังมีข้าวในสต๊อกที่รอการขายเพื่อนำเงินส่งคืนคลังได้อีก

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตมากนั้น หากใครมีหลักฐาน ก็ขอให้นำมาชี้แจง เพื่อดำเนินการแก้ไข เพราะที่ผ่านมา มีการกล่าวหากันมากว่าไม่โปร่งใส แต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบความผิด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ