เงินบาทปิด 31.25/27 แข็งค่าตามภูมิภาค นลท.คาดสหรัฐฯแก้เพดานหนี้ได้ ทำเงินไหลเข้าเอเชีย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 11, 2013 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยูที่ระดับ 31.25/27 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.33 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทวันนี้ปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังนักลงทุนเริ่มมองเห็นทิศทางในเชิงบวกว่าสหรัฐฯ มีโอกาสจะตกลงกันได้ในเรื่องการขยายเพดานหนี้ จึงทำให้นักลงทุนเริ่มเข้ามาถือสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะสกุลเงินในเอเชียเพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียหลายสกุลปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

"ที่บาทแข็งค่า คงเป็นเพราะเริ่มเก็งกันว่าเพดานหนี้สหรัฐฯ น่าจะเจรจากันได้ คงไม่มีปัญหาอะไร วันนี้จึงเริ่มมีเงินไหลกลับเข้ามาในเอเชีย วันนี้ส่วนใหญ่เงินเอเชียแข็งค่ากันหมด" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อ โดยอาจแข็งค่าไปทดสอบที่ 31.10 บาท/ดอลลาร์ได้ ทั้งนี้ให้กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทต้นสัปดาห์ไว้ที่ 31.10-31.35 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.36/37 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 97.46 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3572/3574 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3528 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,457.78 จุด เพิ่มขึ้น 5.87 จุด, +0.40%
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,908.77 ลบ.(SET+MAI)
  • ตลาดหุ้นและตลาดการเงินทั่วโลก มองว่า การที่ ส.ส.พรรครีพับลิกันระบุว่าจะเสนอให้ทำเนียบขาวขยายเพดานหนี้ระยะสั้นเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อแลกกับการเจรจาในวงกว้างว่าด้วยการใช้จ่ายของรัฐบาลนั้น ถือเป็นสัญญาณบวกสู่การบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณ หลังจากที่ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับภาวะชะงักงันด้านการคลัง ซึ่งรวมถึงการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
  • นายเจค็อบ ลิว รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐ และนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) กล่าวต่อที่ประชุม G-20 โดยเชื่อว่าภาวะชะงักงันเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จะสามารถแก้ไขได้ทันก่อนวันที่ 17 ต.ค.นี้
  • ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.3% แตะ 311.23 เมื่อเวลา 08.07 น.ตามเวลาลอนดอน เนื่องจากตลาดมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการแก้ปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ
  • นายหยี กัง รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เปิดเผยในงานสัมมนาเศรษฐกิจโลก ซึ่งจัดขึ้นโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดยคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจีนน่าจะขยายตัวเกิน 7.5% อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้สหรัฐออกมาจัดการกับวิกฤติชัตดาวน์และประเด็นเพดานหนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เตือนว่า หากสหรัฐล้มเหลวในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ จะส่งผลกระทบต่อทั่วโลกอย่างรุนแรง ทั้งนี้มองว่าความล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐมีความเป็นไปได้ต่ำ แต่ในทางกลับกันจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงหากเกิดขึ้นจริง และอาจจะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกให้เข้าสู่ภาวะถดถอย
  • รมว.คลังญี่ปุ่น ให้คำมั่นต่อที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศ G20 ว่า ญี่ปุ่นจะเดินหน้าผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กับการปรับลดยอดขาดดุลการคลัง ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีการขายของประเทศเป็น 8% จากระดับปัจจุบันที่ 5% ในเดือนเม.ย.ปีหน้า ขณะเดียวกันจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน 6 ล้านล้านเยน ซึ่งรวมถึงการลดหย่อนภาษีจำนวน 1 ล้านล้านเยนให้กับภาคธุรกิจ เพื่อป้องกันไม่ให้การปรับขึ้นภาษีการขายสร้างภาระให้กับเศรษฐกิจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ