(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 31.14/18 แข็งค่า รับข่าวดีสหรัฐฯ แก้เพดานหนี้ทันกำหนด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 17, 2013 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.14/18 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.26/28 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้ปร้บตัวแข็งค่าขึ้น และคาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นได้อีก หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณและเพิ่มเพดานหนี้แล้วในวันนี้ ด้วยคะแนนเสียง 81 ต่อ 18 ก่อนที่จะส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาอนุมัติ

"วันนี้บาทไปในทิศทางแข็งค่า หลังจากที่วุฒิสภาของสหรัฐฯ รับหลักการในเรื่องการขยายเพดานหนี้ คาดว่าหน่วยงานที่ปิดทำการไปคงจะกลับมาเปิดได้ในวันพรุ่งนี้" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.05-31.25 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 31.1460 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M อยู่ที่ 2.39221% และ THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.44109%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.65/72 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 98.32/33 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.3340/3345 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3536/3538 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.วันนี้อยู่ที่ 31.2680 บาท/ดอลลาร์
  • วุฒิสภาสหรัฐ และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณฉบับสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ได้ก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค. ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเส้นตายดังกล่าวแล้ว โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.57 และปรับเพิ่มเพดานหนี้ไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ.57
  • ประธานาธิบดี"บารัค โอบามา"ของสหรัฐ เตรียมลงนามร่างกฎหมายในการเพิ่มเพดานหนี้และเปิดหน่วยงานรัฐบาล เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายในทันทีที่มีการเสนอร่างกฎหมายดังกล่วมายังทำเนียบขาว หลังผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
  • ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เมื่อคืนนี้(16 ต.ค.) หลังจากที่ผู้นำในวุฒิสภาของสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง และเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรง
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางและในการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดดีดขึ้น 9.1 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ที่ 1,282.3 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ตลาดทองมองว่า หากวุฒิสภาเพียงแค่เพิ่มเพดานหนี้ไปจนถึงเดือนก.พ.57 และจัดสรรงบประมาณแก่รัฐบาลไปจนถึงแค่กลางเดือนม.ค.57 ก็จะยังมีความไม่แน่นอนในอนาคตอันใกล้ แม้ว่ามีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว และภายใต้ภาวการณ์เช่นนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะยังคงเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ต่อไปอีก 2-3 เดือนเป็นอย่างน้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดทองคำ ขณะที่อุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากจีนและอินเดีย ก็ยังคงหนุนราคาทองด้วย
  • ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ โดยดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.8% ที่ระดับ 142.11 จุด เมื่อเวลา 10.08 น.ตามเวลาโตเกียว หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณและเพิ่มเพดานหนี้แล้วในวันนี้ ด้วยคะแนนเสียง 81 ต่อ 18 ก่อนที่จะส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาอนุมัติ
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะที่วุฒิสภาสหรัฐบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้และยุติการชัตดาวน์ของรัฐบาลกลาง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดพุ่ง 1.08 ดอลลาร์ แตะที่ 102.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดบวก 90 เซนต์ ที่ 110.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป(ยูโรสแตท) คาดการณ์ว่า ยูโรโซนจะมียอดเกินดุลการค้าทั้งสิ้น 7.1 พันล้านยูโร (9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.6 พันล้านยูโรในเดือนส.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ในเดือนส.ค.ยูโรโซนมียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 1% และยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.2%

ทั้งนี้ ในบรรดาประเทศสมาชิกทั้งหมด เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้ามากที่สุดในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ที่ 1.144 แสนล้านยูโร ขณะที่ฝรั่งเศสมียอดขาดดุลมากที่สุดที่ 4.42 หมื่นล้านยูโร (1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 0.75 ยูโร)

  • สมาคมค้าทองเตรียมหารือสมาชิกสัปดาห์หน้า ระดมความเห็นเสนอพาณิชย์กรอบดูแล เล็งให้แยกธุรกรรมออนไลน์ให้ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์กำกับ ส่วนร้านค้าทองอยู่ในความดูแลของกระทรวงเหมือนเดิม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ