โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
ทั้งนี้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นเดือนแรก หลังจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันมา 4 เดือน ทั้งนี้ทิศทางการผลิตภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น สะท้อนจากดัชนียอดคำสั่งซื้อ ยอดขายในประเทศ และปริมาณการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมพลังงาน แสดงให้เห็นว่าการบริโภคภายในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา สอดคล้องกับดัชนีคาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า ที่ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ค่าดัชนียังมีค่าต่ำกว่า 100 แสดงว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอยู่ในระดับที่ไม่ดี จากความกังวลต่อปัญหาต้นทุนการผลิต ราคาวัตถุดิบ และราคาพลังงานที่เป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการให้น้ำหนักมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการมองว่าจะกระทบต่อการดำเนินกิจการในเดือนต.ค. ทั้งนี้ ยังต้องติดตามผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในเดือนพ.ย.ว่าจะส่งผลกระทบต่อระดับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอย่างไร
นายพยุงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ผู้ประกอบการยังมีข้อเสนอแนะไปถึงภาครัฐ โดยต้องการให้ภาครัฐเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเร่งแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งพัฒนาด่านเข้า-ออกของประเทศให้มีความมั่นคงปลอดภัย และทันสมัยเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจตามแนวชายแดน เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าแก่ประเทศไทย และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน