ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(Core CPI) เดือน พ.ย.56 อยู่ที่ 103.54 เพิ่มขึ้น 0.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.18% จากเดือน ต.ค.56
ขณะที่ตัวเลข CPI เฉลี่ย 11 เดือน(ม.ค.-พ.ย.56)เพิ่มขึ้น 2.24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน Core CPI เฉลี่ย 11 เดือนเพิ่มขึ้น 1.02% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนทั้งปี 56 คาดอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.1-2.6%
สำหรับดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเดือน พ.ย.56 อยู่ที่ 109.72 เพิ่มขึ้น 3.85% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.09% จากเดือน ต.ค.56 ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าที่ไม่ใช่หมวดอาหารและเครื่องดื่มเดือน พ.ย.56 อยู่ที่ 103.61 เพิ่มขึ้น 0.86% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.90% จากเดือน ต.ค.56
รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ(CPI)เดือน พ.ย.56 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.56 สูงขึ้น 0.09% นั้นมาจากผลการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 0.09% และหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 0.09% โดยดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นจากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดข้าว, ปลาและสัตว์น้ำ, เครื่องประกอบอาหาร, เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์, อาหารสำเร็จรูป, ผักและผลไม้ นอกจากนี้ยังมาจากการสูงขึ้นของหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่มาจากการสูงขึ้นของน้ำมันเชื้อเพลิง, เคหสถาน, ค่าตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล, หมวดบันเทิง การอ่าน การศึกษา และศาสนา, เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ(CPI)เดือน พ.ย.56 เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.55 สูงขึ้น 1.92% นั้น มาจากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 3.58% จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดข้าว, แป้ง, เนื้อสัตว์ปีก, สัตว์น้ำ, ไข่และผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 0.86% จากการสูงขึ้นของหมวดเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เคหสถาน หมวดการบันเทิง การอ่าน และการศาสนา หมวดยาสูบและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น
โดยในเดือน พ.ย.มีสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้นรวม 194 รายการ, ราคาไม่เปลี่ยนแปลง 169 รายการ และราคาลดลง 87 รายการ
รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การที่เงินเฟ้อขยายตัวในอัตราต่ำต่อเนื่องกันเป็นผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกและสินค้าในกลุ่มพลังงานมีราคาค่อนข้างต่ำในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณความต้องการใช้ของโลกลดลง โดยเฉพาะทางด้านสหรัฐ, ญี่ปุ่น และจีน ที่ชะลอตัว
ทั้งนี้คาดว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค.56 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา คือไม่เกิน 2% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั้งปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 2.2-2.3% ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินไว้ที่ 2.1-2.6%
น.ส.อุรวี กล่าวด้วยว่า สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปี 57 นั้นคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 2.0-2.8% ภายใต้สมมติฐาน 4 ข้อ ประกอบด้วย อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปี 57 อยู่ที่ระดับ 3-5%, ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีที่ 95-115 ดอลลาร์/บาร์เรล, อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 29-34 บาท/ดอลลาร์ และรัฐบาลยังคงมาตรการช่วยเหลือประชาชนในด้านค่าครองชีพอยู่ต่อไป
อย่างไรก็ดี จากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% นั้น จะเป็นปัจจัยเสริมต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงต้นปีหน้าให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับลดดอกเบี้ยจะทำให้ประชาชนนำเงินส่วนหนึ่งออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น