ทั้งนี้ส่งผลให้การนำเข้าเชื้อเพลิงในช่วง 11 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-พ.ย.56) เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 947,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่า 1,044,789 ล้านบาท แบ่งเป็น การนำเข้าน้ำมันดิบ 872,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.3% คิดเป็นมูลค่า 982,946 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูป 75,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 10.1% คิดเป็นมูลค่า 61,843 ล้านบาท
ส่วนการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) ในเดือน พ.ย.56 อยู่ที่ 177,142 ตันต่อเดือน ลดลง 9.2% จากเดือน ต.ค.56 คิดเป็นมูลค่า 5,275 ล้านบาท ส่วนการนำเข้าแอลพีจีในช่วง 11 เดือนแรกนำเข้า 162,168 ตันต่อเดือน เพิ่มขึ้น 10.4% คิดเป็นมูลค่า 46,410 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากการหยุดซ่อมบำรุงของโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 5 ของ บมจ.ปตท.(PTT) ส่งผลให้รัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยสะสมประมาณ 31,404 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าการนำเข้าแอลพีจีในเดือน ธ.ค.56 จะอยู่ที่ประมาณ 172,000 ตันต่อเดือน ทำให้คาดว่าทั้งปีภาครัฐต้องจ่ายเงินชดเชยสะสมประมาณ 34,000 ล้านบาท
ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเดือน พ.ย.56 อยู่ที่ 214,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 9.7% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 22,815 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกน้ำมันในช่วง 11 เดือนอยู่ที่ 198,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 1% คิดเป็นมูลค่า 233,934 ล้านบาท
นายสมนึก กล่าวถึง ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในเดือน พ.ย.56 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม ในส่วนของกลุ่มน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ 22.56 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.3% แบ่งเป็น น้ำมันเบนซิน 95 จำนวน 1.59 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 0.8% น้ำมันแก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 20.97 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.6% ส่วนน้ำมันดีเซลมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 58.28 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 8.6%
ทั้งนี้ส่งผลให้การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 11 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบทุกชนิด เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ประกอบกับเป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ ทำให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น โดยกลุ่มเบนซินปรับเพิ่มขึ้น 7.6% หรือปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22.39 ล้านลิตรต่อวัน แบ่งเป็นกลุ่มแก๊สโซฮอล์ 20.39 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 71% เบนซิน 2 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 77.5% ดีเซล ปรับเพิ่มขึ้น 2.1% หรือขึ้นมาอยู่ที่ 57.11 ล้านลิตรต่อวัน
สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันทั้งปี 56 กลุ่มเบนซินจะอยู่ที่ประมาณ 22.5 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7% เป็นผลมาจากปริมาณรถยนต์ที่จดทะเบียนใหม่ในช่วง 11 เดือนแรกปี 56 เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.01 ล้านคัน ในส่วนของการใช้ดีเซลคงไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากมีรถบรรทุกส่วนใหญ่หันไปใช้เอ็นจีวีแทน
ส่วนปริมาณการใช้แอลพีจี เดือนพ.ย. 56 อยู่ที่ 608,376 ตันต่อวัน ลดลง 3.7% แบ่งเป็น การใช้แอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.6% หรือมาอยู่ที่ 50,470 ตันต่อวัน ส่วนภาคปิโตรเคมีปรับลดลง 6.8% โดยการใช้ยังอยู่ที่ 211,901 ตันต่อวัน ขณะที่การใช้แอลพีจีภาคขนส่งได้ปรับลดลง 2.1% หรือลดลงมาอยู่ที่ 150,788 ตันต่อวัน ภาคครัวเรือนลดลง 2.2% หรือลดลงมาอยู่ที่ 195,217 ตันต่อวัน ส่งผลให้ปริมาณการใช้แอลพีจีในช่วง 11 เดือนแรกเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 614,386 ตันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.6% เนื่องจากมีการคุมเข้มเรื่องการลักลอบการนำไปจำหน่ายผิดประเภท ส่งผลให้การใช้แอลพีจีทั้งปี 2556 การใช้แอลพีจีจะอยู่ที่ 620 ล้านกิโลกรัมต่อเดือน
สำหรับปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) อยู่ที่ 8.73 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.7% เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้นทำให้ประชาชนหันมาใช้เอ็นจีวีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้เอ็นจีวีในช่วง 11 เดือนแรกเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 8.55 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10.7%