นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.83/85 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.82/84 บาท/ดอลลาร์
การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้คาดว่าจะยังนิ่งๆ เนื่องจากเป็นวันทำการสุดท้ายของปีนี้ แต่มีโอกาสจะแข็งค่าได้เล็กน้อย ซึ่งคงเป็นการปรับฐาน หลังจากที่เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าขึ้นไปค่อนข้างมาก
"วันนี้ค่อนข้างจะนิ่งๆ เงียบๆ ใกล้กับที่เปิดตลาดเมื่อวาน วันนี้น่าจะเงียบต่อเนื่องถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไร เป็นวันสุดท้ายของปีแล้วด้วย อาจขยับได้บ้างถ้ามี flow ลูกค้าใหญ่ๆ เข้ามาช่วงนี้ บาทมีโอกาสแข็งค่าลงมาได้เล็กน้อย เพราะที่ผ่านมาอ่อนค่าขึ้นไปเยอะแล้ว คงมีการปรับฐานบ้าง" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-32.85 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 32.8140 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M อยู่ที่ 1.98344% และ THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.01521%
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.83/85 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 104.40 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3715/3718 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3693 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.8190 บาท/ดอลลาร์
- แบงก์ชาติร่อนหนังสือเวียนกำชับธนาคารพาณิชย์ คุมความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการชำระดุลธุรกรรมซื้อขายเงินต่างต่างประเทศ หลังพบธุรกรรมเศรษฐกิจข้ามพรมแดนกับต่างประเทศเพิ่มต่อเนื่อง โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติไว้ 7 แนวทาง เริ่มใช้ม.ค.2558
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ธ.ค.) โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ธ.ค. ปรับตัวลง 42,000 ราย แตะที่ 338,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขานรับรายงานที่ระบุว่าจำนวนคนว่างงานของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ ปิดที่ 99.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 111.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
- กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารญี่ปุ่น เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนพ.ย.จากปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 5 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันเบนซินและพลังงานประเภทอื่นๆที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับราคาสินค้าคงทนบางชนิด เช่น โทรทัศน์
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมจีนมีผลกำไรในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยชะลอตัวลงจากระดับ 15.1% ในเดือนต.ค. โดยผลกำไรทั้งหมดของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีรายได้ต่อปีมากกว่า 20 ล้านหยวน (3.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แตะที่ 7.07 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ย.