นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.04/05 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 33.06/08 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางของเงินทุนต่างประเทศ
"ระหว่างวันลงไปทำโลว์ที่ 32.96(บาท/ดอลลาร์) หลังมี flow ไล่ซื้อบาทเข้ามา แต่กลับมาอ่อนค่าช่วงท้ายตลาด" นักบริหารเงิน กล่าว
ปัจจัยที่ตลาดจับตาดูเป็นการประกาศตัวเลขจากการจ้างนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐในคืนวันพรุ่งนี้ และสถานการณ์การเมืองในประเทศที่กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) จะมีการชุมนุมใหญ่ 13 ม.ค.
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.95-33.10 บาท/ดอลลาร์
"ค่าเงินบาทอาจเหวี่ยงมากกว่านี้ ทิศทางยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่" นักบริหารเงิน กล่าว
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.96/98 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 104.90 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3614/3616 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3578 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,258.26 จุด เพิ่มขึ้น 0.53 จุด, +0.04% มูลค่าการซื้อขาย 33,404.74 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 629.46 ล้านบาท(SET+MAI)
- นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยอมรับว่าสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาครัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 22 ม.ค.นี้จะมีการนำเสนอข้อมูลล่าสุดประกอบการพิจารณาของ กนง.ไม่ว่าจะเป็น การส่งออก หรืออุปสงค์ในประเทศ เพื่อประกอบการทบทวนประมาณการว่าจะเป็นไปตามแนวโน้มเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโตได้ 4% ได้หรือไม่ เพราะเบื้องต้นยอมรับว่าขณะนี้ปัจจัยจากต่างประเทศเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทย แต่ปัจจัยในประเทศมีความเสี่ยงต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดลดลงในวันนี้ เนื่องจากมีแรงซื้อจำนวนมากเข้าสู่ตลาดพันธบัตร หลังจากตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 332 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดการซื้อขายที่ 0.695% ลดลง 0.005% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปีส่งมอบเดือน มี.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 0.05 จุด แตะที่ 143.78 ที่ตลาดหุ้นโตเกียว
- สำนักงานศุลกากรของฝรั่งเศส เผยฝรั่งเศสมียอดขาดดุลการค้าในเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.7 พันล้านยูโร จาก 4.8 พันล้านยูโรในเดือน ต.ค.ซึ่งเป็นผลมาจาการนำเข้าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น โดยการนำเข้าในเดือน พ.ย.มีมูลค่า 4.13 หมื่นล้านยูโร จาก 4.12 หมื่นล้านยูโรในเดือน ต.ค. ขณะที่การนำเข้าสินค้าประเภทอาหารอยู่ในภาวะชะงักงัน ส่วนการส่งออกในเดือน พ.ย.ลดลงที่ 3.56 หมื่นล้านยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปี 2556 เทียบกับ 3.635 หมี่นล้านยูโรในเดือน ต.ค.