นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.90/92 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.88/90 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ และขึ้นมาทำ high สุดของวันในช่วงปิดตลาดที่ 32.90/92 บาท/ดอลลาร์ โดยทิศทางของค่าเงินบาทวันพรุ่งนี้ต้องติดตามการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ในระหว่างวันที่ 28-29 ม.ค. ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับลด QE อันจะมีผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
"แนวโน้มบาทน่าจะไปในทิศทางที่อ่อนค่า ปัจจัยจากต่างประเทศคือ คาดว่า FOMC อาจจะลด QE ขณะที่ปัจจัยในประเทศคือ ไม่เลื่อนการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงอาจจะเห็นการเมืองที่กลับมาร้อนแรงได้อีก บาทจึงมีโอกาสอ่อนค่าได้อีก" นักบริหารเงิน กล่าวนักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.80-33.00 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.12/14 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 102.72 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3638/3642 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3670 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,271.79 ลดลง 16.80 จุด (-1.30%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 29,589 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,202.99 ลบ.(SET+MAI)
- ผลการหารือล่าสุดระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เกี่ยวกับการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้ สรุปว่าจะไม่มีเลื่อนการเลื่อนตั้งออกไป
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) เดือน ธ.ค.56 ลดลง 6.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 168.70 และลดลง 1.88% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของการผลิตรถยนต์ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ อาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง
- นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เผยเตรียมนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ แต่จะไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(กปปส.)
- ธนาคารกลางสหรัฐ(FED) จะประชุมเพื่อกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) เป็นเวลา 2 วัน ในระหว่างวันที่ 28-29 ม.ค.ซึ่งตลาดคาดว่า FED จะชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) หลังจากได้ตัดสินใจในการประชุมเมื่อเดือน ธ.ค.56 ที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือนลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์
- สำนักงานกำกับดูแลการเงินของเกาหลีใต้(FSS) เผยตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดให้รายได้(NPL) ของภาคธนาคารเกาหลีใต้ได้ปรับตัวลงในเดือน ธ.ค.เนื่องจากธนาคารต่างๆ ได้ตัดบัญชีหนี้เสียในช่วงก่อนสิ้นปี โดยสัดส่วนหนี้เสียที่เลยกำหนดชำระเงินตั้งแต่ 1 วันขึ้นไปของภาคธนาคารอยู่ที่ 0.88% ณ สิ้นเดือน ธ.ค.56 ลดลง 0.22% จากเดือนก่อน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ เผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ขยายตัว 0.7% ในไตรมาส 4/56 หลังจากที่ขยายตัว 0.8% ในไตรมาสก่อนหน้า เพราะได้รับแรงผลักดันจากการขยายตัวในทุกภาคส่วน ยกเว้นการก่อสร้าง และทั้งปี 56 เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัว 1.9% ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 50