นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การประกาศปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ด้วยการลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตร(QE Tapering)ลงอีก 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นไปตามคาดการณ์ของตลาดส่วนใหญ่ ซึ่งจากการประกาศทำ QE Tapering ต่อเนื่อง ตลาดทั่วโลกปรับตัวในทิศทางเดิม คือออกจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น หุ้น และ สินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินสกุลที่มีความปลอดภัยสูง(Safe Heaven) แข็งค่าขึ้นอีกจังหวะหนึ่ง ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ยังมีความอ่อนไหวสูง
ส่วนเงินบาทอ่อนค่าลงบ้างจากเมื่อวาน(29 ม.ค.) โดยเป็นการปรับตัวไปกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ซึ่งในภาพรวมเป็นการปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ดี ระยะนี้ถือเป็นช่วงที่ตลาดโลกมีความอ่อนไหวกว่าปกติ ประกอบกับไทยเข้าสู่ช่วงใกล้การเลือกตั้ง จึงอาจเห็นการปรับลดการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติบ้าง แต่ไม่ใช่การขายเพราะการตื่นตระหนก (Panic Sell) เพราะไทยยังมีพื้นฐานที่ดีพอ ที่สำคัญคือไทยได้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคโดยให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลมาโดยตลอด ซึ่งในระยะนี้ที่นักลงทุนต่างชาติเห็นว่าสภาพคล่องโลกมีแนวโน้มลดลงและปรับแนวทางการลงทุน จึงหันกลับมาให้ความสำคัญกับพื้นฐานของเศรษฐกิจต่างๆ ดังจะเห็นได้ว่าตลาดเกิดใหม่ที่สามารถรักษาสมดุลและมีนโยบายมหภาคที่ดีจะไม่อ่อนไหวมาก