ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 61.4, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 65.1 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 88.1
ปัจจัยลบสำคัญ ได้แก่ ความกังวลจากการชุมนุมทางการเมือง, การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 60 วันส่งผลต่อความเชื่อมั่นการบริโภค รวมถึงกระทบภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาต่างชาติ, ชาวนายังไม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ลดประมาณการเศรษฐกิจปี 56 ลงเหลือต่ำกว่า 3%, เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง, ความกังวลเกี่ยวกับราคาพืชผลทางการเกษตรที่ทรงตัวในระดับต่ำ และความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ขณะที่ปัจจัยบวก ได้แก่ การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25%, ราคาน้ำมันในประเทศยังทรงตัว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า การบริโภคของประชาชนยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจนถึงปลายไตรมาส 2/57 เป็นอย่างน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่มีสัญญานฟื้นตัว แต่คงจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด เพราะผู้บริโภคยังมีความกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองไทย และความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ตลอดจนค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยในอนาคต อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้ การที่ค่าครองชีพยังทรงตัวในระดับสูงในความรู้สึกของผู้บริโภค และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงและผันผวนสูง ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและรายได้ของผู้บริโภคในอนาคตมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสมากขึ้นที่จะขยายตัวได้ต่ำกว่า 3% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวในกรอบ 3-4% แต่ทั้งนี้ต้องขอติดตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวและส่งออกในช่วงนี้ก่อน หลังจากที่ปัญหาทางการเมืองยังคงยืดเยื้อต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 56 ซึ่ง ม.หอการค้าไทย จะแถลงปรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในเดือนมี.ค.57
“เรามองเศรษฐกิจไทยปีนี้ไว้ว่าจะโตได้ 3-4% แต่ตอนนี้มีโอกาสมากขึ้นที่เศรษฐกิจไทยจะโตได้ไม่ถึง 3% เราคงจะปรับตัวเลขใหม่ในเดือนมี.ค. ตอนนี้ขอดูสถานการณ์ท่องเที่ยวและส่งออกก่อน" นายธนวรรธน์ กล่าว
พร้อมมองว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ในช่วงใด แต่ที่แน่ๆ จะยังไม่ฟื้นตัวภายในไตรมาส 1/57 แน่นอน และยังมองไม่เห็นว่าจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงใด หากเศรษฐกิจไทยยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวภายในครึ่งปีแรกและการเมืองยังไม่คลี่คลาย ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตต่ำกว่า 2% ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ราว 1-2%
อย่างไรก็ดี เงื่อนไขที่ว่าการเมืองคลี่คลายนั้นจะต้องหมายถึงการยุติการชุมนุมทางการเมือง และการสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ และเป็นรัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับจากทั้งประเทศด้วย