ก.พลังงาน ระดมสมองเตรียมพร้อมรับมือแหล่งบงกช-JDA จะหยุดซ่อมบำรุง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 13, 2014 15:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้เรียกประชุมคณะทำงานติดตามการบริหารเชื้อเพลิง เพื่อหารือถึงการหยุดซ่อมแหล่งก๊าซ 2 แหล่งหลักในปีนี้ ทั้งแหล่งบงกชช่วงวันที่ 10-27 เม.ย.57 และแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยและมาเลเซีย(JDA)ที่จะปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ช่วงวันที่ 13 มิ.ย.-10 ก.ค.57 ทำให้โรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา ซึ่งอาศัยก๊าซฯ จากแหล่งดังกล่าวเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตจำเป็นต้องหยุดเดินเครื่อง เพราะไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงอื่นทดแทนได้ และทำให้ไฟฟ้าหายไปจากระบบถึง 700 เมกะวัตต์

กระทรวงพลังงาน มีความเป็นห่วงสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะจากแหล่ง JDA และไม่ต้องการให้เกิดกรณีไฟฟ้าดับ 14 จังหวัดภาคใต้เช่นเดียวกับปีที่แล้ว จึงได้มีการติดตามและหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับขึ้น และนอกจากการหารือกันนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้รายงานถึงมาตรการรองรับโดยมีการปรับแผนตรวจสอบและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าภาคใต้ รวมทั้งไม่ให้มีการหยุดบำรุงรักษาช่วงที่แหล่ง JDA ปิดซ่อม อีกทั้งยังมีการเตรียมความพร้อมโรงไฟฟ้าภาคใต้ทุกเครื่อง เช่น โรงไฟฟ้ากระบี่ได้ทดสอบให้เดินเครื่องเต็มกำลังผลิต 24 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 14 วัน เพื่อมาช่วยเสริมไฟฟ้าในระบบทดแทนโรงไฟฟ้าจะนะ

นอกจากนี้ กฟผ.ได้ตรวจสอบอุปกรณ์ระบบส่งและระบบป้องกันให้มีความพร้อมใช้งาน โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.57 ขณะเดียวกันได้ประสานงานจัดเตรียมแผนย้ายโหลดหรือแผนดับไฟร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย

ส่วนการดึงไฟฟ้าจากภาคกลางลงมาเสริมนั้น กระทรวงพลังงานได้หารือกับ กฟผ.ให้ส่งไฟฟ้าจากภาคกลางในปริมาณรองรับมาตรฐานความมั่นคงด้านไฟฟ้าโดยไม่กระทบกับภาคกลาง ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งไฟฟ้าจากภาคกลางเข้าระบบส่งไฟฟ้าภาคใต้ ปริมาณ 700 เมกะวัตต์ ซึ่งปกติภาคใต้ก็ต้องรับไฟฟ้าจากภาคกลางอยู่แล้วประมาณ 500 เมกะวัตต์ หากมีความจำเป็นสามารถจัดส่งได้เพิ่ม โดยสามารถนำเข้าได้สูงสุดที่ 1,050 เมกะวัตต์

ขณะที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ บมจ.ปตท.(PTT) ได้เตรียมความพร้อมการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีการติดตามความคืบหน้าการทำงานของผู้ผลิตแหล่ง JDA รวมถึงได้วางแผนการทำงานของแหล่งผลิตในอ่าวไทยแหล่งอื่นๆ และสหภาพเมียนมาร์ไม่ให้ตรงกับช่วงเวลาดังกล่าว อีกทั้งยังมีการเตรียมปริมาณเชื้อเพลิงสำรอง เช่น น้ำมันเตา น้ำมันดีเซล เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของโรงไฟฟ้าในภาคใต้ด้วย

"กฟผ.ประเมินว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้สูงสุด ในช่วงที่จะมีการหยุดซ่อมบำรุงอยู่ที่ประมาณ 2,500 เมกะวัตต์ การปิดซ่อมแหล่งก๊าซเจดีเอครั้งนี้ ส่งผลให้ไฟฟ้าหายไปจากระบบถึง 700 เมกะวัตต์ อาจทำให้ประชาชนเกิดความกังวลว่าไฟฟ้าจะดับ ซึ่งจากข้อมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าภาคใต้ของ กฟผ. แม้ว่าโรงไฟฟ้าจะนะจะไม่สามารถเดินเครื่องได้ แต่ก็มีแนวทางการบริหารจัดการด้านอื่นๆ เพื่อให้ภาคใต้มีไฟฟ้าเพียงพอ นอกเหนือจากการจัดส่งไฟฟ้าจากภาคกลาง จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) หารือและขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการที่มีเครื่องผลิตไฟฟ้าสำรองภายใต้การกำกับของ พพ. เพื่อผลิตไฟฟ้าในช่วงที่มีความจำเป็น" ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว

ส่วนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ได้ขอให้ไปจัดเตรียมมาตรการรณรงค์เพื่อการประหยัดพลังงาน ด้านกรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และหน่วยงานอื่นๆ ในสังกัดก็ได้สั่งการให้เตรียมพร้อมในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว

อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนเม.ย.57 ที่มีการหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งบงกชนั้น กระทรวงพลังงานเห็นว่าไม่กระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานมาก เพราะได้เตรียมการล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เจรจากับแหล่งบงกชเพื่อลดจำนวนวันในการหยุดซ่อมลงเหลือเพียง 18 วัน จากเดิมกำหนดหยุดซ่อมบำรุงตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.-5 พ.ค.57 มาเป็นหยุดซ่อมตั้งแต่วันที่ 10-27 เม.ย.57 เท่านั้น นอกจากนี้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวก็ไม่อยู่ในช่วงพีคหรือช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด รวมทั้ง กฟผ.ได้เตรียมการรองรับด้านการจัดหาเชื้อเพลิงสำรอง เช่น น้ำมันเตา ไว้พร้อมใช้งานสำหรับเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ