สำหรับในช่วงที่เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการออมสินกว่า 1 ปี 3 เดือนนั้น ได้มีการบริหารจัดการงานของธนาคารออมสินให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2556 ธนาคารมีสินทรัพย์เติบโตอยู่ที่ 2.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.15 แสนล้านบาท จากปี 2555 อยู่ที่ 1.96 ล้านล้านบาท
ขณะที่ยอดเงินฝากอยู่ที่ 1.87 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 แสนล้านบาท หรือ 11-12% จากเป้าหมายที่ 1.18 แสนล้านบาท หรือ 7% ส่วนสินเชื่อรวมเติบโตอยู่ที่ 1.67 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 55 อยู่ที่ 1.58 ล้านล้านบาท และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.14% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2555 อยู่ที่ 1.06% โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.19 หมื่นล้านบาท
สำหรับสภาพคล่องในปัจจุบันอยู่ที่ 1.5-1.7 แสนล้านบาท หรือ 10% ของสินทรัพย์รวม จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท หรือ 20% ของสินทรัพย์รวมนั้น ถือเป็นระดับที่เหมาะสม และอยู่สูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กำหนดไว้ที่ 6% ของสินทรัพย์รวม
นายวรวิทย์ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ลูกค้ามีการถอนเงินฝากออกค่อนข้างมาก แต่ขณะนี้ลูกค้าได้ทยอยกลับมาฝากเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยวันละ 2-3 พันล้านบาท หลังจากธนาคารได้เร่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
"สภาพคล่องที่ลดลงนั้นไม่น่ากังวล เพราะถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม และไม่ส่งผลต่อต้นทุนในการบริหารจัดการสภาพคล่องในส่วนนี้แต่อย่างใด" นายวรวิทย์ กล่าว
สำหรับการลาออกในครั้งนี้ยืนยันว่าเป็นไปด้วยความสมัครใจของตัวเอง เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่ทำให้ธนาคารเสียภาพลักษณ์จากการปล่อยกู้อินเตอร์แบงก์ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ในโครงการรับจำนำข้าว และพบว่าหลังจากยื่นใบลาออกสถานการณ์ต่างๆ ก็คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น จึงทำให้ตนรู้สึกสบายใจ
นายวรวิทย์ ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฝั่งการเมืองจริง เนื่องจากการทำงานในระดับนี้ต้องมีการติดต่อกันเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เคยดึงความสัมพันธ์ดังกล่าวมาเกี่ยวข้องกับการทำงานแต่อย่างใด โดยอยากให้ทุกฝ่ายพิจารณาจากผลงานที่ได้เคยทำมา ซึ่งผ่านเกณฑ์คะแนนชี้วัดการทำงาน(KPI) ทั้งหมด