(เพิ่มเติม) ADB คาด GDP ไทยปี 57 ขยายตัว 2.9% หากมีรบ.ได้ใน H2/57, ปี 58 โต 4.5%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 1, 2014 12:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ลักษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) กล่าวว่า ปีนี้คาดเศรษฐกิจไทยโตได้ 2.9% ภายใต้สมมติฐานที่ประเทศไทยยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่และไม่มีการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจใหม่ๆ ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่เชื่อว่าไทยจะมีรัฐบาลใหม่ที่สามารถดำเนินงานได้เต็มรูปแบบภายในครึ่งหลังของปีนี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2558 โตได้ 4.5%

แต่หากสมมติฐานไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ทาง ADB จะพิจารณาทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยปีนี้ที่คาดโตได้ 2.9% เป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเทียบกับประเทศฟิลิปปินส์ที่คาดโต 6.4% อินโดนีเซียโต 5.7% และ มาเลเซียโต 5.1%

ในส่วนของการส่งออกปีนี้คาดโต 5.5-6% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค่าอย่างสหรัฐฯ ยุโรป แม้เศรษฐกิจจีนจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงก็ตาม และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง จะช่วยภาคการส่งออกด้วย และการบริโภคคาดอยู่ที่ 1.5-2%

ทั้งนี้ ADB ยังคงติดตามดูเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาออกมาไม่ดีนัก แต่ยังหวังว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 2 จะมีสัญญาณดีขึ้น

สำหรับการลงทุนประเมินปีนี้ขยายตัวอยู่ที่ 1-1.5% เนื่องจากโครงการลงทุนภาครัฐต้องหยุดชะงักลง หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษา ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนโครงการบริหารจัดการน้ำ คาดจะเบิกจ่ายได้เพียงเล็กน้อย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ ขณะที่โครงการลงทุนรัฐวิสาหกิจหลายโครงการอยู่ในภาวะชะงักงัน และคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนยังคงซบเซาต่อไป ผู้ลงทุนรอดูแนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ก่อน ขณะที่การพิจารณาให้สิทธิประโยชน์การลงทุนภาคเอกชนของบีโอไอล่าช้าออกไป เนื่องจากนายกรัฐมนตรีรักษาการ นอกจากนี้การพิจารณาอนุมัติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 ก็ต้องล่าช้าออกไปเช่นกัน

"สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีทางออก บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและธุรกิจ อีกทั้งการบริโภคภาคเอกชนยังได้รับผลกระทบจากการเบิกจ่ายเงินตามโครงการรับจำนำข้าวที่ล่าช้าและความไม่แน่นอนของอนาคตโครงการอีกด้วย ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันการบริโภคเอกชน สะท้อนว่าในปีนี้การบริโภคภาคเอกชนจะยังคงชะลอตัวต่อไป แต่หากไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในไตรมาส 3/57 มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะโตต่ำกว่า 2%"น.ส.ลักษมณ กล่าว

สำหรับความท้าทายของเศรษฐกิจไทยจากนี้ไปคือ การออกแบบและการดำเนินนโยบาย เนื่องจากที่ผ่านมานโยบายของไทยเป็นการใช้จ่ายงบประมาณไปโดยที่ผลในเชิงพัฒนาไม่ชัดเจน เช่น โครงการรับจำนำข้าว การอุดหนุนราคาเชื้อเพลิง นโยบายรถคันแรก และการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ แม้นโยบายดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้าง แต่ปัญหาคือนโยบายดังกล่าวไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อให้กลุ่มประชาชนที่อ่อนแอได้รับผลประโยชน์จากนโยบาย และไม่ได้ช่วยเพิ่มผลิตภาพของเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย

น.ส.ลักษมณ กล่าวว่า แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือ ควรมีการจัดตั้งสถาบันรวบรวมฐานข้อมูล เพื่อนำมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายที่ดี รวมทั้งการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบายและตรวจสอบการดำเนินนโยบายมากขึ้น ซึ่งจะทำได้โดยการสนับสนุนการจัดตั้งและเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรประเภทสถาบันที่ติดตามการดำเนินนโยบายของรัฐ และองค์กรภาคประชาชนที่ไม่แสวงหากำไร


แท็ก เอเชีย   GDP  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ