ม.รังสิตมองศก.ไทยเสี่ยงถอดถอยจากการเมืองยืดเยื้อ คาดทั้งปีโตไม่เกิน 1.5%

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday April 26, 2014 18:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้นอีก เนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองไม่สามารถยุติได้ภายในไตรมาสสองและยืดเยื้อมามากกว่า 6 เดือนแล้ว โดยครึ่งปีแรกมีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจจะขยายตัวติดลบหรือไม่มีการเติบโตเลย

ประเมินเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังยังคงเติบโตต่ำกว่าศักยภาพมาก โดยมีความเป็นไปได้ที่อาจมีอัตราการขยายตัว 0.25 – 2.25% หรือประมาณ 1.25% เมื่อผนวกเข้ากับอัตราการขยายตัวติดลบในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้อัตราการขยายตัวทั้งปีจะอยู่ที่ (-0.5%) - 1.5%

นายอนุสรณ์ วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและผลกระทบของวิกฤตการณ์ทางการเมืองเป็นกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้ กรณีที่หนึ่ง มีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญหรือ ป.ป.ช และนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางส่วนหยุดปฏิบัติหน้าที่ มีผู้รักษาการแทนต่อและมีการจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น คาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ประมาณ 10% การจัดทำงบประมาณล่าช้าไม่ต่ำกว่า 10 เดือน อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ระดับ 0.5%-1.5%

กรณีพื้นฐาน มีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญหรือ ป.ป.ช. และนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางส่วนหยุดปฏิบัติหน้าที่ มีผู้รักษาการแทนต่อและมีการจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม โดยมีความรุนแรงเกิดขึ้น คาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ประมาณ 45% การจัดทำงบประมาณมากกว่า 10 เดือนและไม่สามารถจัดทำงบประมาณล่าช้า 2558 ได้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ระดับ 0%-0.5%

กรณีเลวร้าย มีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญหรือ ป.ป.ช. แล้ว เกิดความรุนแรงทางการเมืองและการนองเลือดขนาดใหญ่ ไม่สามารถจัดทำงบประมาณปี 2558ได้และมีการรัฐประหารหรือเกิดสภาพรัฐล้มเหลวและอนาธิปไตย ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้น 45% เศรษฐกิจปี 2557หดตัว มีอัตราการเติบโตติดลบ -0.5% เป็น Political crisis-driven recession และเกิดการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อระบบต่างๆของประเทศ

"ปี 2557จะเป็นปีเริ่มต้นของทศวรรษแห่งความถดถอยและเติบโตต่ำ อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยสามารถก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาวิกฤติไปได้จนก่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างรอบด้านและประชาธิปไตยสมบูรณ์ ประชาชนจะอยู่ในสภาวะใหม่ซึ่งมีคุณภาพชีวิตและประเทศจะเจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างชัดเจนหลังวิกฤติใหญ่ผ่านไป" นายอนุสรณ์ กล่าว

พร้อมเสนอว่าให้เดินหน้าเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมปราศจากความรุนแรง และทำสัญญาประชาคมเรื่องการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆและจัดตั้งองค์กรปฏิรูปที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขณะเดียวกันเสนอใช้เศรษฐกิจดิจิตอลยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง ใช้เทคโนโลยีไอทีช่วยให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมและจัดการกับการขัดขวางการเลือกตั้งโดยทำเป็น Virtual Election การเลือกตั้งที่เสมือนจริงไม่จำเป็นต้องไปยังหน่วยเลือกตั้ง หากมีการขัดขวางการเลือกตั้ง ก็แสดงเจตนารมย์ทางการเมืองและสิทธิหน้าที่ในระบอบประชาธิปไตยได้ และขอให้มีการใช้ Virtual Office แก้ไขปัญหาการเข้าบุกยึดสถานที่ราชการเพื่อทำให้การบริหารประเทศและบริการประชาชนดำเนินต่อไปโดยไม่สะดุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ