ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้ากรมฯ จะทยอยส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการทุกรายเพื่อรับทราบนโยบายดังกล่าว แต่หากสินค้ารายการใดมีต้นทุนสูงขึ้นจนรับภาระต้นทุนไม่ไหวให้ส่งหนังสือขอปรับราคากลับเข้ามา ซึ่งกรมฯจะพิจารณาให้เป็นรายๆ อย่างไรก็ตาม หากรายการใดฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา กรมฯจะขึ้นบัญชีเป็นสินค้าควบคุมเพื่อใช้มาตรการกฎหมายดูแล
นอกจากนี้ กรมฯได้เชิญผู้ประกอบการห้างค้าปลีก(โมเดิร์นเทรด) และห้างสรรพสินค้า มาขอความร่วมมือให้แจ้งการปรับราคาสินค้า เมื่อผู้ผลิตสินค้าปรับขึ้นราคาขายให้กับห้าง เพื่อกรมฯจะได้ตรวจสอบว่ามีความเหมาะสม หรือดูว่าสินค้านั้นมีการปรับลดขนาด แต่ยังคงราคาขายเดิมหรือไม่ รวมทั้งให้ห้างค้าปลีกแจ้งขนาดสินค้าต่อหน่วยเทียบกับราคาขาย เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลตัดสินใจเลือกซื้อ พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกจัดแคมเปญลดราคาอาหารในศูนย์อาหารภายในห้างในอัตรา 20% หรือลดเมนูละ 5-10 บาท จากราคาเมนูปกติ เบื้องต้นขอให้จัดแคมเปญครั้งแรกในช่วงปลายเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้
"แนวทางดังกล่าวจะเป็นมาตรการช่วยเหลือและลดค่าครองชีพประชาชน หลังประชาชนร้องเรียนถึงราคาอาหารและสินค้าที่แพงขึ้น อีกทั้งเป็นการลดภาระผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม และลดความเดือดร้อนจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร(เอฟที) ค่าแก๊สหุงต้ม ซึ่งมาตรการนี้ก็น่าจะใช้ในช่วงก่อนมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่พอดี" นายสันติชัย กล่าว