(เพิ่มเติม) ผบ.ทอ.คาดจ่ายเงินจำนำข้าวดัน GDP ปีนี้โตเพิ่ม 0.2%,ยันงบปี 58 ทัน ต.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 26, 2014 18:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับทีมผู้บริหารกระทรวงการคลังและธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 8 แห่งว่า ภายหลังจากที่ได้จ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนาจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตเพิ่มอีก 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้ พร้อมยืนยันว่าจะสามารถจัดทำงบประมาณปี 58 ได้ทันใช้ในภายในวันที่ 1 ต.ค. 57 นี้

การช่วยเหลือชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวปี 56/57 ที่ค้างจ่ายให้ชาวนาอีกกว่า 92,000 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายเงินทั้งหมดได้ภายใน 1 เดือนนั้น จะทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มมากขึ้น และผลักดันให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.2% หรือทำให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2.2% แต่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพัฒนาการผลิตและลดต้นทุนการปลูกข้าว เพื่อช่วยให้ชาวนามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ในส่วนของการจัดทำงบประมาณปี 58 นั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ทางสำนักงบประมาณได้มีปฏิทินการดำเนินงานที่ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว แต่จะมีการปรับให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ โดยหลักการแล้วงบประมาณปี 58 จะพยายามไม่ให้มีผลผูกพันในระยะยาว ซึ่งจะเน้นในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังคงรักษาวินัยการเงินการคลังเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงินต่างๆ และจะพยายามเสนอต่อผู้ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อที่จะสามารถใช้งบประมาณ 58 ได้ทันในเดือนต.ค.57

“งบปี 57 เราก็จะทำไปตามกรอบเดิมที่ได้งบประมาณไว้ แต่ส่วนไหนที่ในปี 57 ทำไม่ทันก็จะนำไปเสริมไว้ในงบปี 58 โดยงบปี 58 นี้คงจะใช้งบไม่มาก คือจะไม่ให้มีผลผูกพันระยะยาว จะเน้นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่เราก็จะรักษาวินัยการเงินการคลังไว้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงิน" พล.อ.อ.ประจิน กล่าว

ทั้งนี้ คสช.จะหารือกับกระทรวงการคลัง รวมทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในวันที่ 31 พ.ค.อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนของโรดแมปเศรษฐกิจได้ในสัปดาห์หน้า

ส่วนการบริหารจัดการน้ำ หลังจาก พ.ร.ก.การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทถูกระงับไปนั้น จะมีการพิจารณาเป็นรายโครงการ โดยจะพิจารณาโครงการที่มีความจำเป็นขึ้นมาดำเนินการก่อน ซึ่ง คสช.จะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน อาทิ ภัยพิบัติ และ อุทกภัยในช่วงฤดูฝนปีนี้ด้วย

ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) คาดว่า จีดีพีปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 3% จากเดิมที่คาดว่าอาจจะโตต่ำกว่า 2% โดยจีดีพีที่จะเติบโตขึ้นกว่าเดิมที่คาดนี้มาจากการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 57 โดยเฉพาะในโครงการที่มีมูลค่าการลงทุนเกินกว่า 1 พันล้านบาท คิดเป็นวงเงินรวม 7 พันกว่าล้านบาท ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช.ได้ให้นโยบายไว้ว่าถ้าโครงการใดที่เป็นประโยชน์กับประเทศ ก็ให้สามารถอนุมัติดำเนินการได้ทันที จึงทำให้มั่นใจว่าภายในปีงบประมาณ 57 นี้จะสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้เกินกว่าเป้า

ส่วนโรดแมปที่ที่ประชุมวันนี้เตรียมจะเสนอหัวหน้าคสช.นั้น จะยึดหลักแนวทางการค้าเสรี โดยใช้กลไกตลาดเป็นหลัก การขจัดปัญหาอุปสรรคด้านการค้าการลงทุน เปิดเสรีในการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ รวมถึงจะมีมาตรการส่งเสริมให้คนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งการแก้ไขใบอนุญาตประกอบกิจการ รง. 4 และการเตรียมความพร้อมประเทศไทยที่จะเข้าสู่ AEC ในปี 58 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายสมชัย กล่าวต่อถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง วงเงิน 2 ล้านล้านบาทว่า จะดึงโครงการลงทุนในส่วนนี้เข้ามาไว้ในงบประมาณปี 58 เช่น โครงการรถไฟรางคู่, โครงการรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งอาจจะมีผลต่อการจัดทำงบประมาณขาดดุลในปี 58 บ้าง โดยเห็นว่าหากมีการขาดดุลงบประมาณก็จำเป็นต้องดำเนินการ แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นภาระต่อภาคการคลัง เนื่องจากใน 2 โครงการนี้เม็ดเงินลงทุนไม่สูงมากนัก

ทั้งนี้ ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ สำนักงบประมาณเตรียมจะเสนอปฏิทินงบประมาณปี 58 โดย 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงการคลัง, สำนักงบประมาณ, ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) จะมาหารือกันถึงกรอบงบประมาณรายรับ รายจ่ายที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม โรดแมปเศรษฐกิจที่จะเสนอนี้จะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ของ คสช.ทั้ง 4 ด้าน คือ การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน, การปฏิรูปเศรษฐกิจพื้นฐาน, การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม และการสร้างความปรองดองของคนในชาติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ