นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.70/71 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือน จากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 32.64/65 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไปไหวตามภูมิภาคและทิศทางของเงินทุนต่างประเทศจากผู้ค้าทองคำ โดยระหว่างวันเงินบาทไปทำไฮที่ระดับ 32.71 บาท/ดอลลาร์ และทำโลว์ที่ระดับ 32.63 บาท/ดอลลาร์
"ช่วงเช้าไปทำโลว์หลังจากนั้นก็ทยอยปรับตัวอ่อนค่ามาเรื่อยๆ จนท้ายตลาดขยับอ่อนค่าทำนิวไฮในรอบ 3 เดือนที่ระดับ 32.71(บาท/ดอลลาร์) ตามสกุลอื่นในภูมิภาค...ไม่คิดว่า regional จะพาเงินบาทอ่อนค่าไปมากขนาดนี้" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.65-32.80 บาท/ดอลลาร์
"แนวโน้มวันพรุ่งนี้น่าจะอ่อนค่าต่อเนื่อง" นักบริหารเงิน กล่าว- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.90 เยน/ดอลลาร์ ทรงตัวในระดับเดียวกับช่วงเช้า
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3616 ดอลลาร์/ยูโร อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3634 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,402.79 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด, +0.72% มูลค่าการซื้อขาย 48,667.74 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,744.65 ล้านบาท(SET+MAI)
- กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าต่างประเทศเดือน เม.ย.57 ว่า การส่งออกอยู่ที่ 17,249.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 0.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ 18,702.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 14.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,453.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-เม.ย.57) การส่งออกหดตัว 0.97% มาที่ 73,460.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าหดตัว 15.19% มาที่ 74,208.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุลทั้งสิ้น 747.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงกรอบประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 3.0-6.0 (ค่ากลางร้อยละ 5.0) แต่จะติดตามโมเมนตัมการฟื้นตัวของสินค้าและตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยอย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 เดือนหลังจากนี้
- น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เผยบริษัท Rating and Investment Information, Inc.(R&I) ได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยสกุลเงินต่างประเทศ(Foreign Currency Issuer Rating) และสกุลเงินบาท(Domestic Currency Issuer Rating) ที่ระดับ BBB+ และ A- ตามลำดับ และ R&I ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยจากระดับที่มีเสถียรภาพ(Stable Outlook) เป็นลบ(Negative Outlook) เนื่องจากเกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
- นายสมศักดิ์ โชตรัตนศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เผยเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พิจารณา เพื่อให้การจัดทำเสร็จเรียบร้อยทันตามกำหนดเวลาที่จะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในวันที่ 22 ก.ย.57 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.57 โดยกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณปี 58 อยู่ที่ 2.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีงบประมาณ 57 ซึ่งจะเป็นการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลจำนวน 2 แสนล้านบาท และมีสัดส่วนงบประมาณลงทุนอยู่ที่ 17.5% ใกล้เคียงกับปีงบประมาณ 57 โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือให้ได้ข้อสรุปในวันที่ 30 พ.ค.นี้
- พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทบ.) ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ขอเวลาศึกษารายละเอียดแผนแม่บทกระทรวงคมนาคม ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ยันให้ความสำคัญโครงการโครงสร้างพื้นฐานทุกโครงการ และต้องเดินหน้าต่อไป
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากจีนเปิดเผยกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรม ส่วนราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 15 สัปดาห์
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้รัฐบาลสเปนดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดยอดขาดดุลของภาครัฐบาล ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6.62% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ในปี 2556
- ธนาคารรายใหญ่สุดของจีนมีแนวโน้มว่าจะรายงานตัวเลขหนี้เสียในสัดส่วนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 52 เนื่องจากยอดการชำระหนี้ที่ล่าช้าพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยในช่วงสิ้นปี 56 โดยธนาคารรายใหญ่ 10 แห่งของจีนได้รายงานยอดเงินกู้ที่เลยกำหนดชำระมูลค่า 5.88 แสนล้านหยวน หรือ 9.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 21% จากระดับปี 55
- สำนักงานแรงงานกลางของเยอรมนี เผยจำนวนคนว่างงานในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น 23,937 คน แตะที่ 2.905 ล้านคน ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 15,000 คน โดยจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น 16,018 คนในเยอรมนีตะวันตก และเพิ่มขึ้น 7,919 คนในฝั่งตะวันออกของประเทศ โดยจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงอันเนื่องมาจากกระแสวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะชะลอตัวลง หลังจากประเทศกลุ่มยูโรโซนซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีกำลังประสบความยากลำบากในการพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง