นอกจากนี้ยังมีโครงการเร่งด่วน คือ โครงการประกันภัยข้าวนาปี 2557 โดยให้เตรียมวงเงินไว้สำหรับจ่ายค่าเบี้ยประกัน และจ่ายค่าเสียหายที่จะเกิดขึ้น และให้มีการเร่งลงทุนขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้า รางรถไฟ และถนน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมด่วน เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงให้มีการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน ทั้ง ไทย-มาเลเซีย, ไทย-ลาว และไทย-พม่าอย่างเป็นรูปธรรมให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้
"โครงการที่ต้องขับเคลื่อนเร่งด่วน เช่น การค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น และให้ผลักดันสินเชื่อที่อาศัย ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) โดยจะปล่อยกู้ให้กับลูกค้าที่มีประวัติดี ไม่เป็นหนี้เสีย รายละ 1.5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1-3 ปีคงที่ 4.125% และเร่งแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ" พล.อ.อ.ประจิน กล่าวพร้อมระบุว่า โครงการเร่งด่วนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ 30 โครงการเร่งด่วนที่ต้องให้แล้วเสร็จในเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 30 ด้าน ที่สามารถสรุปออกมาได้เป็น 10 เรื่อง คือ 1.การใช้งบประมาณไม่เกินตัวจนผิดวินัยการคลัง 2.สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน 3.เร่งงบประมาณปี 2557 ที่ค้างอยู่ 4.แก้ไขข้อจำกัดด้านกฏหมายที่ส่งผลต่อด้านเศรษฐกิจ 5.เร่งรัดเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6.ยึดวินัยการคลัง กฎกติกาของบริษัทมหาชน 7.จัดตั้งกองทุนเอกชน ทดแทนการลงทุนภาครัฐ 8.เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานรัฐวิสาหกิจ 9.ผลักดันด้านพลังงานทดแทน และ 10.เน้นความโปร่งใสตรวจสอบได้
อย่างไรก็ดี พล.อ.อ.ประจิน จะได้นำข้อสรุปที่ได้จากการประชุมในวันนี้ไปนำเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อพิจารณา ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกับทีมที่ปรึกษาคสช. ในวันที่ 3 มิ.ย.ต่อไป