เงินบาทปิด 32.44/45 อ่อนค่าตามภูมิภาค คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.40-32.50

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 17, 2014 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.44/45 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.36/38 บาท/ดอลลาร์ และเป็นการปรับตัวอ่อนค่าตามทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค
"ปิดตลาดวันนี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากช่วงเช้า เป็นผลจากที่มีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามา หลังจากที่มีการขายต่อเนื่องกันมาหลายวันแล้ว ประกอบกับดอลลาร์ขยับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ" นักบริหารเงิน ระบุ

สำหรับปัจจัยในสัปดาห์นี้ ต้องรอติดตามการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะทราบผลในช่วงคืนวันพฤหัสนี้ ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในวันพรุ่งนี้ อาจจะไม่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนมากเท่าใดนัก เนื่องจากตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่า กนง.รอบนี้จะยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ 2.00%

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.40 -32.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ปิดตลาดวันนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.00 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 102.02 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3560 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 1.3564 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,471.02 ลดลง 0.83 จุด (-0.06%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 46,147 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 798.74 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ปรับลดเป้าสินเชื่อในปี 57 เหลือเติบโตราว 4-5% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 5-6% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศชะลอลงมากกว่าที่คาดไว้ โดยลดลงมาที่ 2-3% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 4-5%
  • คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นประธาน เพื่อให้การพิจารณาและเสนอแนะแนวทางและมาตรการต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ของภาคเอกชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งให้ภาคเอกชนร่วมกับภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตและสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
  • สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้รับหนังสือตอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ชะลอการดำเนินโครงการของ กสทช. 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการจัดประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 1800 MHz 2.โครงการจัดประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 900 MHz 3.โครงการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโยทั่วถึงและบริหารเพื่อสังคม (USO) และ 4.โครงการสนุบสนุนช่วยเหลือการเปลี่ยนผ่านทีวีจากระบบอนาล็อกเป็นดิจิตอลด้วยการแจกคูปองแก่ประชาชน เป็นการชั่วคราว
  • ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.4 ทั้งนี้นักลงทุนรอดูการเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นนักลงทุนของเยอรมนีที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่นักลงทุนในตลาดเงินคาดคิด โดยระบุว่า นักลงทุนในตลาดยูโรดอลลาร์ฟิวเจอร์ ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายดอกเบี้ยระยะสั้นล่วงหน้าที่มีการซื้อขายคึกคักที่สุดในโลกนั้น กำลังประเมินเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่ำเกินไป ยิ่งกว่าที่ทางเฟดประเมินเอง ซึ่งเป็นไปได้ว่านักลงทุนเหล่านั้นอาจมองข้ามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งส่งสัญญาณการฟื้นตัวจากช่วงไตรมาสแรก
  • เช้าวันพรุ่งนี้ การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำเดือนมิ.ย. จะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 03.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย และจะมีการแถลงมติอัตราดอกเบี้ยและการแถลงข่าวของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดในวันถัดมา เวลา 01.00 น. โดยจะมีการเปิดเผยข้อมูลการคาดการณ์รายไตรมาส ประกอบด้วยการคาดการณ์เรื่องอัตราว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
  • กระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า บริษัทของจีนลงทุนในต่างแดนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ลดลง เนื่องจากการลงทุนไปยังประเทศที่เป็นจุดหมายการลงทุนใหญ่ๆร่วงลงอย่างหนัก โดยยอดลงทุนโดยตรงในต่างแดน (ODI) ในธุรกิจนอกกลุ่มการเงินในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.ปีนี้ร่วง 10.2% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 3.081 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ จีนลงทุนไปยังบริษัทต่างประเทศ 2,766 แห่งใน 146 ประเทศ โดยลงทุนไปที่ฮ่องกง, กลุ่มประเทศอาเซียน, สหภาพยุโรป (อียู), ออสเตรเลีย, สหรัฐ, รัสเซีย และญี่ปุ่นคิดเป็น 68.7% ของยอด ODI ทั้งหมด หรือ 2.116 หมื่นล้านดอลลาร์

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 1.5% ในเดือนพ.ค. ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ในเดือนต.ค.52 และลดลงจากระดับ 1.8% ในเดือนเม.ย. เนื่องจากต้นทุนด้านอาหาร และการขนส่งที่ปรับตัวลง ส่งผลให้ธนาคารกลางอังกฤษจำเป็นต้องกลับมาพิจารณาเรื่องระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษเคลื่อนไหวไม่เกินระดับ 2% มาเป็นเวลา 6 เดือนตามที่ธนาคารกลางอังกฤษตั้งเป้าไว้ ซึ่งถือเป็นระยะเวลานานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงดิ่งลง 132 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 11,728 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,513.29 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 14.30 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ