นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการ
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวกรณีที่
สหภาพยุโรป(
อียู) ประกาศปรับลดระดับความสัมพันธ์กับไทยว่า เชื่อว่าไม่กระทบการค้าระหว่างกันแน่นอน เพียงแต่อาจทำให้การเจรจาต่างๆ ต้องล่าช้าออกไป โดยเฉพาะการเจรจาจัดทำข้อตกลงเขต
การค้าเสรี (
เอฟทีเอ) ไทย-
อียู ที่อยู่ระหว่างการเจรจา และจะทำให้การแก้ปัญหากรณีที่
อียูเตรียมตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ที่ให้กับไทยในปี 58 ต้องล่าช้าออกไปด้วย เพราะไทยต้องการนำเอาสินค้าที่อาจถูกตัดจีเอสพีมาบรรจุในกลุ่มสินค้าที่จะลดภาษีนำเข้าภายใต้
เอฟทีเอ
"เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมืองล้วนๆ และอียูไม่มีสิทธิ์ที่จะคว่ำบาตรการค้าไทยได้ เพราะผิดกฎขององค์การการค้าโลก(ดับบลิวทีโอ) แต่หากอียูคว่ำบาตรทางการค้าไทยจริง ไทยสามารถฟ้องร้องต่อดับบลิวทีโอได้ทันที" นายพรศิลป์ กล่าว
นายพรศิลป์ กล่าวว่า ภาคเอกชนควรจะใช้โอกาสนี้เตรียมตัวเองให้พร้อมในเรื่องของโจทย์ หรือข้อกำหนดต่างๆ ที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา และยา เพราะเมื่อมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็จะสามารถเปิดการเจรจากันได้ทันที และน่าจะช่วยให้การเจรจามีความคืบหน้าไปได้เร็วกว่าเดิม
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยส่งสินค้าไปยังตลาดอียูประมาณ 10% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณปีละ 20,000-30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ