นาย
อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจ เรื่อง "ผู้ประกอบการผลิตและส่งออกไทย ปรับตัวไปแค่ไหนภายใต้เออีซี" จากผู้ผลิตและส่งออกไทยที่เป็นธุรกิจขนาดกลางและเล็ก(
SMEs) จำนวน 1,000 ราย ครอบคลุม 19 รายการสินค้าว่า ผู้ผลิตและผู้ส่งออก
SMEs มากกว่า 63.1% หรือประมาณ 321,000 ราย จากจำนวน
SMEs ในภาคผลิตทั้งหมด 512,000 ราย คิดว่าปรับตัวไม่ทันกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในปี 58 โดย
SMEs ที่ปรับตัวไม่ทัน พบว่าในกลุ่มสินค้าเกษตร เช่น ข้าว, ประมง, ไก่ และยางพารา ส่วนกลุ่มสินค้า
อุตสาหกรรมที่ปรับตัวไม่ทัน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น
อุตสาหกรรมเซรามิก สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน อาหาร และเครื่องดื่ม เป็นต้น
"จากผลสำรวจการที่ SMEs ไม่พร้อมเข้าสู่ AEC ทำให้สูญเสียโอกาสในการแข่งขันกับประเทศในอาเซียน เพราะไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จาก AEC อย่างไร และยังจะเสียโอกาสในการเข้าไปลงทุนตั้งบริษัทในประเทศเพื่อนบ้าน หากปล่อยไว้ SMEs กลุ่มที่ปรับตัวไม่ทันจะทยอยปิดกิจการไป แต่คงจะไม่เห็นผลทันทีในปี 58" นายอัทธ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ฯ มีข้อเสนอให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดตั้งหน่วยงานที่มีลักษณะคล้ายกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) และควรมีกองทุนสำหรับ SMEs วงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพออกไปลงทุนในต่างประเทศ เช่น เสื้อผ้า, อาหารทะเล, รองเท้า และโรงสี เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ควรจะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทยในประเทศอาเซียน สร้างเครือข่ายระหว่างสมาคมผู้ผลิตในประเทศไทยกับประเทศอาเซียน และที่สำคัญจะต้องมีการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยออกไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านแบบรวมกลุ่มคลัสเตอร์ เพื่อไปตั้งฐานการผลิตหรือกระจายสินค้าในประเทศเพื่อนบ้าน