ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 65.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเช่นกัน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 68.1 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 92.0
"ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ และเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งส่วนใหญ่จะปรับตัวอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน" นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ปัจจัยบวก ประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาบริหารประเทศส่งผลให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองโดยรวมดีขึ้น เนื่องจากการเมืองมีเสถยรภาพ, ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 58 จะขยายตัว 5.5% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.8%, คสช.อนุมัติจ่ายเงินโครงการจำนำข้าว
ส่วนปัจจัยลบ ประกอบด้วย กรณีที่สหรัฐอเมริกาปรับลดอันดับประเทศไทยสู่บัญชีต่ำสุดในรายงานการค้ามนุษย์, การส่งออกในเดือน พ.ค.ลดลง 2.1%, ราคาพืชผลทางการเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ, ผู้บริโภคยังวิตกกังวลค่าครองชีพและราคาสินค้า และความกังวลเกี่ยวความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก