บาทเช้านี้อ่อนค่าจากเมื่อเย็นวาน และคาดว่าจะยังเป็นทิศทางอ่อนค่าต่อแต่อาจจะขยับไปไม่มาก เนื่องจากบาทอ่อนค่าไปค่อนข้างมากแล้ว ปัจจัยสำคัญวันนี้คงต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ 2.00% ส่วนต่างประเทศอาจต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) รวมทั้งทิศทางของดอลลาร์สหรัฐที่ยังแกว่งๆ อยู่ต่อเนื่อง
"ทิศทางวันนี้บาทขยับอ่อนค่าขึ้นมาเยอะแล้ว ข้างบนคงไม่ผ่าน high เดิมเมื่อวันก่อนที่เคยขึ้นไป 32.29 ส่วนด้านล่างก็อาจจะไปปิดเท่าช่วงท้ายตลาดวานนี้" นักบริหารเงินระบุนักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.15-32.30 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 32.1600 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(5 ส.ค.) อยู่ที่ 1.90970% และ THAI BAHT FIX 6M(5 ส.ค.) อยู่ที่ 1.93683%
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.56 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 102.65 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.3364 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3390 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.1180 บาท/ดอลลาร์
- ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2557
- "แบงก์ชาติ" เผยผลสำรวจความเห็น ภาคธุรกิจ คาดคำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเริ่มฟื้นไตรมาส 3 โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากยุโรปก่อนหมดสิทธิ "จีเอสพี" ขณะที่ "การลงทุน" ยังแผ่ว เหตุรอดูความชัดเจนของรัฐบาลใหม่ ด้านต้นทุนวัสดุก่อสร้างแนวโน้มยังเพิ่มขึ้น "โกลด์แมน แซคส์" ปรับเพิ่มจีดีพีไทยปีนี้ ขยายตัว 0.4% จากเดิมให้ติดลบ 0.5%
- "แบงก์ชาติ" เผยอยู่ระหว่างพิจารณา โครงสร้างค่าธรรมเนียมธนาคารพาณิชย์ ย้ำควรคิดจากต้นทุนบริการแท้จริง ไม่ใช่ลอยมาจากอากาศ เผยที่ผ่านมาขอความร่วมมือแบงก์ยกเลิกค่าธรรมเนียมบางตัวแล้ว เช่น ค่าธรรมเนียมการไถ่ถอนที่ดิน เหตุถือเป็นหนึ่งในบริการเงินกู้อยู่แล้ว ส่วนค่าธรรมเนียมการฝากเงินเหรียญ วอนสถาบันการเงินดูเจตนา แนะผ่อนปรนในกรณีฝากเงินเพื่อออม
- ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยผลการประชุม คสช. ชุดใหญ่ ว่า พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้า คสช. มอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกันศึกษาแนวทางและมาตรการในการช่วยเหลือและป้องกันหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน
- กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมนำทัพผู้บริหารถกขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจร่วมส.อ.ท. 18 ส.ค.นี้ หลังตั้งคณะทำงานร่วม 4 ชุดดูแลใกล้ชิด สุดปลื้มยอดขอ รง. 4 (ม.ค.-ก.ค.) 2,212 แห่ง เงินลงทุนทะลุ 2.11 แสนล้านบาท แนวโน้มไตรมาส 4 มั่นใจยอดกระฉุด หลังปรับร่นเวลาอนุญาตเหลือ 30 วันทำได้จริง
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้(5 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคบริการและยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่ปรับตัวแข็งแกร่ง
- ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส หลังจากสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.7 ในเดือนก.ค. จากระดับ 56 ในเดือนมิ.ย. โดยตัวเลขเดือนก.ค.เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2548 หรือในรอบแปดปีครึ่ง และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่เพียง 56.5
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งที่สี่ในรอบห้าเดือน และมากที่สุดในรอบ 3 เดือน อีกทั้งยังมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ถึงเกือบ 2 เท่า
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 91 เซนต์ ปิดที่ 97.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 80 เซนต์ ปิดที่ 104.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 50 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,930 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,292.16 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 5.42 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง
- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป(ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. จากระดับเดือนพ.ค. และขยายตัวขึ้น 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยยอดค้าปลีกที่ขยายตัวขึ้น 0.4% มาจากยอดค้าปลีกในภาคธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบที่เพิ่มขึ้น 0.5% การขยายตัวในภาคธุรกิจที่ไม่ใช่อาหารเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่เชื้อเพลิงที่อ่อนตัวลง 0.1% สำหรับยอดค้าปลีกของกลุ่มสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้น 0.3% และเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี