ธปท.เล็งทบทวนประมาณการ GDP ช่วงก.ย. หลังรวมเม็ดเงินลงทุนภาครัฐ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 15, 2014 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)เดือน ก.ย.นี้ จะมีการทบทวนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) โดยรวมสมมติฐานการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วนปี 2557-2558 กว่า 1 แสนล้านบาท ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าไปด้วย ซึ่งการลงทุนของภาครัฐจะเป็นกลไกหลักในช่วงที่การบริโภคภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และส่งผลต่อแผนการลงทุนของภาคเอกชนในระยะต่อไปอย่างชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลของ ธปท.ที่พบว่าการลงทุนยังคงมีสัดส่วนประมาณ 22% ของจีดีพี แบ่งเป็นการลงทุนโดยภาคเอกชน 17% และภาครัฐเพียง 5% นั้น ซึ่งหากต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้โดยเฉลี่ย 4.5-5% ต่อปี จำเป็นต้องมีการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนเป็นสัดส่วน 25-27% ของจีดีพี ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นนั้นยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร เพราะต้องดูปัจจัยเรื่องระยะเวลาของการลงทุน และความเป็นไปได้ในการลงทุนจริงประกอบด้วย

นายจิรเทพ กล่าวว่า ธปท.อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้ออีโบล่าในต่างประเทศ ซึ่งประเด็นนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในหลายประเทศ เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มมีความระมัดระวังในการดินทาง และควบคุมค่าใช้จ่ายแล้ว ซึ่งคงจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะประเมินว่าส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด

ส่วนภาวะอัตราแลกเปลี่ยนของไทยในปัจจุบัน พบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราแลกเปลี่ยนปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อย มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ติดวันหยุดราชการหลายวัน เมื่อเปิดทำการทำให้ตลาดเริ่มมีการปรับตัว 2.ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงกว่าที่คาด และ 3.การลงทุนโดยตรง(FDI) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น สะท้อนจากความเชื่อมั่นนักลงทุนที่อยู่ในระดับดี ประกอบกับความชัดเจนในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทย

ส่วนสถานการณ์เงินทุนไหลออกในภูมิภาคนั้น จากการติดตามของ ธปท.ยังไม่พบว่ามีปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจเอเชีย รวมถึงไทยยังคงมีเสถียรภาพ โดยไทยมีดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลการค้า และดุลบัญชีเคลื่อนย้ายเป็นบวก ซึ่งปัจจัยที่ยังต้องติดตาม คือ การฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐในการประกาศตัวเลขจริงกับตัวเลขที่คาดการณ์ว่าสอดคล้องกันหรือไม่ และการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเป็นไปในทิศทางอย่างไร เพราะจะส่งผลให้มีโอกาสที่ประเทศใหญ่ เช่น ยุโรปและญี่ปุ่นที่ปัจจุบันใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ จะเคลื่อนย้ายเงินทุนไปยังสหรัฐ เพื่อผลตอบแทนที่สูงกว่า ส่วนการผ่อนคลายมาตรการ QE เชื่อว่าตลาดคงมีการคาดการณ์ไว้หมดแล้ว

นายจิรเทพ กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการตั้งคณะรัฐมนตรี โดยหลายตำแหน่งเป็นนายทหารระดับสูงว่า ธปท.คงให้ความเห็นในเชิงลึกไม่ได้ว่าแต่ละตำแหน่งจะส่งผลอย่างไร แต่เท่าที่ติดตามเชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศยังมีความเชื่อมั่นลงทุนในไทย ไม่ได้ย้ายการลงทุนไปที่อื่น จะมีก็แต่นักลงทุนใหม่ๆ ที่อาจมองประเด็นความเสี่ยงด้านการเมืองเป็นเงื่อนไขการลงทุนอยู่บ้าง แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องมองโอกาสทางการลงทุนเป็นหลัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ