นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า การประมาณการเศรษฐกิจในครั้งนี้ยังได้รวมกรณีที่รัฐบาลอาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นออกมา
สำหรับการคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 57 เนื่องจากพิจารณาจากอุปสงค์ในประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยมีสัญญาณเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 2/57 ทั้งการใช้จ่ายภาครัฐและการบริโภคและลงทุนภาคเอกชน แต่ยังไม่สามารถชดเชยการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ที่มีข้อจำกัดในภาคการผลิตเพื่อการส่งออก ทั้งเรื่องประเทศคู่ค้าที่ยังไม่ฟื้นตัว เทคโนโลยีการผลิตมีข้อจำกัด การส่งออกรถยนต์ที่ต่ำกว่าในอดีต และราคาข้าวและยางพาราที่ตกต่ำ ประกอบกับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ามาจากปัจจัยการเมืองทั้งในและต่างประเทศ
ดังนั้น ธปท.ได้ปรับลดประมาณการมูลค่าการส่งออกปี 57 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3% เป็น 0% หรือไม่ขยายตัวเลย และคาดการส่งออกปี 58 จะขยายตัวได้ 4% จากเดิมที่ 6% เป็นการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอลงเล็กน้อยโดยเฉพาะยุโรปกับญี่ปุ่น ส่วนภาคการท่องเที่ยวในปี 57 คาดว่าจะเหลือ 25 ล้านคน จากเดิม 25.5 ล้านคน ส่วนปี 2558 เหลือ 27 ล้านคนจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 28.5 ล้านคน จากกรณีหลายประเทศยังประกาศเตือนเดินทางมาไทย นักท่องเที่ยวยุโรปฟื้นตัวช้า และนักท่องเที่ยวจากรัสเซียลดลง
ส่วนแรงกดดันเงินเฟ้อลดลงจากด้านต้นทุนเป็นสำคัญตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงและการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศในช่วงที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการฯ ใช้ข้อสมมติราคาน้ำมันดูไบและราคาเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศลดลงจากเดิมเล็กน้อย ขณะที่ยังคงข้อสมมติการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซ LPG ภาคขนส่ง และก๊าซหุงต้มไว้ตามเดิม สำหรับแรงกดดันด้านอุปสงค์ต่อเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวแต่ยังไม่น่ากังวลเนื่องจากการคาดการณ์เงินเฟ้อค่อนข้างทรงตัว โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 57 อยู่ที่ 2.2% และ 2.1% ในปี 58 ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปี 57 อยู่ที่ 1.6% และปี 58 ที่ 1.3%
"ในปี 2558 เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะกลับเข้ามาสู่ภาวะสมดุลในช่วงครึ่งปีหลังของปี เนื่องจากนโยบายภาครัฐที่ชัดเจนขึ้นจึงทำให้การใช้จ่ายโครงการลงทุนภาครัฐมีมากกว่าคาดและทำให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวสูงกว่าที่คาด" นายเมธี กล่าว