นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์ปรับโครงสร้างข้าว-ยางว่า จะนำชาวนาที่มีที่นามากกว่า 15 ไร่มาปรับโครงสร้าง โดยเอาเฉพาะส่วนที่นาที่ไม่เหมาะสมจะปลูกข้าวซึ่งมีอยู่ 11.2 ล้านไร่มาปรับเปลี่ยนเป็นปลูกพืชอื่นเป็นไร่นาสวนผสม ซึ่งจะเป็นพืชที่ตลาดมีความต้องการ เช่น สินค้าที่มีการส่งออกเป็นหลัก หรือใช้ในประเทศไม่เพียงพอ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คาดว่าจะนำเสนอแผนนี้ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็วเพื่อให้ทันฤดูนาปรังซึ่งจะมีปัญหาเรื่องน้ำไม่พอ และคาดว่าจะทำต่อเนื่องไปอย่างน้อย 3 ปี
"เราจะเอาแผนที่มาขึงดู ตั้งโจทย์ที่นาไม่เหมาะสม 11.2 ล้านไร่ ดูว่าตรงไหนเหมาะปลูกอะไร จะแบ่งที่ดินเป็น 4 กลุ่ม คือ เหมาะสมมาก เหมาะสมปานกลาง เหมาะสมเล็กน้อย และ ไม่เหมาะสม เอาเฉพาะที่ที่เหมาะสมมากกับเหมาะสมปานกลางมาปลูกพืชอื่น เบื้องต้นคาดว่าอ้อยจะได้ประมาณ 4.6 ล้านไร่ มันสำปะหลังประมาณ 2 ล้านไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะได้ประมาณ 5 แสนไร่"นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติ กล่าวว่า แผนดังกล่าวจะไม่กระทบข้าวที่จะหายไป เนื่องจากทุกวันนี้อุปทานมากกว่าดีมานด์อยู่แล้ว ตรงกันข้ามแผนดังกล่าวจะลดพื้นที่ปลูกข้าวเดิมแต่สภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมลงไปได้กว่า 7 ล้านไร่ ซึ่งไม่น่าจะกระทบความมั่นคงทางอาหาร
อย่างไรก็ตาม จะไม่บังคับชาวนาให้ปรับเปลี่ยนจากปลูกข้าวมาปลูกพืชอื่น แต่จะใช้การจูงใจว่าถ้าทำแล้วจะมีโรงงานรองรับแน่นอน เช่น อ้อย นอกจากนี้อาจจะใช้มาตรการสนับสนุนปัจจัยการผลิตในการจูงใจ รวมทั้งช่วยเหลือเรื่องการทำบัญชีรายรับรายจ่าย
"เราจะให้ชาวบ้านตัดสินใจเองด้วยความสมัครใจ....แต่เชื่อว่าแผนงานนี้อาจจะไม่ทำให้เกษตรกรร่ำรวย แต่ก็จะไม่ยากจน"นายอภิชาติ กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์