"อยากให้เชิญอีก 5 เสือมาคุยกันให้ช่วยกันชะลอส่งออกยาง"นายอุทัย กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์
สำหรับเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางคนละ 2,520 บาท/ไร่ คิดเป็นเงินประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท ถือว่าน้อยกว่าเงิน 4 หมื่นล้านบาทที่อุ้มชาวนา ทั้งๆที่ ยางเป็นพืชที่ทำรายได้สูงสุดให้ประเทศไทยในบรรดาสินค้าเกษตรทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางกำลังจะซื้อปุ๋ยกว่า 6 หมื่นตัน เป็นเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าเอาเงินตรงนี้มาจ่ายเป็นเงินสดให้เจ้าของสวนยางตามพ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง พ.ศ. 2503 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครัวเรือนให้เกิดสภาพคล่องได้ จะช่วยได้มาก ให้ชาวสวนนำเงินไปซื้อปุ๋ยอินทรีย์หรือผสมปุ๋ยใช้เองจะได้ประโยชน์มากกว่า และยังจะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตในการจัดซื้อปุ๋ยที่เกิดขึ้นในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา
นอกจากนี้ มีแผนจะรวมตัวกับสหกรณ์ต่างๆ ที่ส่งยางเป็นเสือตัวที่ 7 เพราะมัวแต่พึ่งคนอื่นไม่ได้
พร้อมระบุว่า ปัญหายางไม่มี Over Supply ปัจจุบันยางในสต็อกโลกไม่พอใช้อยู่แล้ว และตอนนี้ทางใต้ฝนตกหนักกรีดยางไม่ได้ แต่ทุกคนพูดว่ายางเกินๆ เพราะสวนยางเพิ่มขึ้น แต่ว่าการกรีดลดลง เพราะราคายางแบบนี้ คนถึงหยุดกรีดยางไปทำงานโรงงานกัน
"บางคนยอมกรีดยางต่อเพราะไม่มีทางเลือก แต่คนที่มีทางเลือกก็ไปทำอย่างอื่น"
ด้านนายอำนวย ยุติธรรม ตัวแทนภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผย"อินโฟเควสท์"ว่า กำลังจะหารือกับแนวร่วมถึงแนวทางกิจกรรมวันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.) ว่าจะมีอะไรบ้าง จะมีข้อเสนออะไรให้รัฐบาลบ้างให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน