"หม่อมอุ๋ย"เตรียมชงมาตรการยกระดับยางพาราเสนอครม.สัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 8, 2014 10:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า เตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้าถึงมาตรการยกระดับราคายางพารา ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมมาตรการไว้พร้อมแล้ว หากได้รับการอนุมัติก็จะเร่งดำเนินการให้เป็นผลทันทีในเดือนต.ค. เนื่องจากเป็นช่วยที่ชาวสวนจะเริ่มกรีดยาง โดยมั่นใจว่าเมื่อมีมาตรการออกมาแล้วจะสามารถยกระดับราคายางพาราให้ดีขึ้นแน่นอน

"พวกผมมีหน้าที่ต้องทำให้ราคาขึ้นโดยเร็วที่สุด แต่การจะทำให้ราคาขึ้น ไม่ใช่แค่ขายแล้วขึ้น ต้องทำอย่างอื่นอีกเยอะ มาตรการเหล่านี้เตรียมไว้หมดแล้ว จะเสนอครม.สัปดาห์หน้า พอมีมาตรการออกมาจะช่วยทำให้ราคาขึ้นได้" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวในรายการโทรทัศน์เช้านี้

พร้อมระบุว่า สำหรับมาตรการระยะยาวนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงไปหารือกับชาวสวนยางถึงการสนับสนุนให้มีการปลูกพืชอื่นเพื่อทดแทนยางพาราในกรณีที่เป็นต้นยางเก่าและมีอายุมาก ซึ่งเป็นมาตรการที่จะต้องทำควบคู่ไปกับมาตรการดึงราคาด้วย

รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการดูแลราคาข้าวว่า จากข้อมูลปริมาณข้าวนาปีซึ่งจะออกมาในช่วงเดือนต.ค.57-ก.พ.58 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณ 27 ล้านตัน ซึ่งประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ 8 ล้านตัน และข้าวเหนียว 7 ล้านตันนั้น เป็นผลผลิตที่มาจากชาวนาในภาคเหนือและภาคอีสารที่มียุ้งฉางเอง โดยขณะนี้ราคาข้าวหอมมะลิอยู่ที่ประมาณ 15,00-16,000 บาท/ตัน ส่วนข้าวเหนียว 12,000-13,000 บาท/ตัน ซึ่งถือว่ามีราคาดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่รัฐบาลจะช่วยทำให้ราคาข้าวไม่ลดลงเมื่อมีข้าวรอบใหม่ออกมา คือ รัฐบาลจะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ให้สินเชื่อโดยตรงแก่ชาวนาเพื่อชะลอการขายข้าวไว้ก่อน ซึ่งจะเป็นสินเชื่อจำนวน 80% ของราคาข้าวที่มีอยู่ในยุ้งฉางของชาวนาเอง

"จะให้สินเชื่อโดยให้ตรงแก่ชาวนา เพื่อไม่ต้องย้ายข้าวไปที่โรงสี โดยให้สินเชื่อประมาณ 80% ของมูลค่าข้าวที่มีอยู่ในยุ้งฉาง เพื่อจะได้นำเงิน 80% ไปใช้จ่ายต่างๆ และรอไปก่อน เพื่อไม่ให้ข้าวทะลัก ซึ่งช่วยบรรเทาภาวะตลาดไม่ให้ข้าวออกมาพร้อมๆ กันแล้วราคาตก ซึ่งนี่คือการดูแลข้าวได้ 15 ล้านตัน" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

ส่วนที่เหลืออีก 12 ล้านตัน แบ่งเป็น คือข้าวหอมปทุม ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดีประมาณ 5-6 ล้านตัน ขณะนี้ถือว่าเบาใจได้เพราะราคายังสูง แต่ที่ต้องเข้าไปช่วยคือข้าวขาวคุณภาพต่ำ เช่น ข้าวขาว 25% ซึ่งมีอีกประมาณ 5-6 ล้านตัน โดยการดูแลนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้ขอวงเงินเพื่อช่วยเหลือเรื่องดอกเบี้ยให้แก่โรงสี โดยให้โรงสีไปกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์แล้วมารับซื้อข้าวมาเก็บไว้ก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังซื้อ

"ระหว่างที่ออเดอร์จากต่างประเทศยังไม่มา เราจะให้โรงสีเร่งซื้อข้าวจากชาวนา เพราะชาวนาภาคกลางไม่มียุ้งฉางเองเหมือนภาคเหนือกับอีสาน การจะให้เขาซื้อจึงต้องมีวงเงินจากธนาคารพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์จึงเสนอจะช่วยค่าดอกเบี้ยบางส่วน ซึ่งตรงนี้เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยโรงสีจะซื้อเก็บในราคาตลาดเช่นกัน และจะไม่ทำให้ข้าวราคาตก" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับข้าวนาปรังนั้น อาจจะประสบกับปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังเข้าไปทำความเข้าใจกับชาวนา เพื่อชี้แจงให้เข้าใจว่าในบางพื้นที่ไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังได้ เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ซึ่งหากคุยกันรู้เรื่องและเข้าใจ ปัญหาเรื่องราคาข้าวตกต่ำก็จะทุเลาลงได้

"ปีนี้เชื่อว่าจากสภาวะของน้ำ นาปรังปีนี้ปริมาณคงได้น้อยกว่าปีที่แล้ว และจะช่วยให้ราคาข้าวขึ้นแน่นอน" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนปริมาณส่งออกข้าวในปีนี้ มีแนวโน้มว่าจะทำลายสถิติการส่งออกข้าวได้สูงสุดถึง 10-11 ล้านตัน เนื่องจากล่าสุดการส่งออกจนถึงเดือน ส.ค.สามารถส่งออกได้แล้วประมาณ 8 ล้านตัน และคาดว่าจะได้ 9 ล้านตันในสิ้นเดือนก.ย. จึงทำให้คาดว่าเมื่อรวมกับช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้จะสามารถส่งออกได้รวมแล้วเกินกว่า 10 ล้านตัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ