นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.44/46 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.46 บาท/ดอลลาร์ และล่าสุดเงินบาทแข็งค่าไปอยู่ที่ 32.40/41 บาท/ดอลลาร์
แนวโน้มเงินบาทวันนี้มีโอกาสแข็งค่า เพราะดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลอื่นๆ สาเหตุที่ดอลลาร์อ่อนค่าเนื่องจากล่าสุดตัวเลขการส่งออก-นำเข้าของจีนออกมาค่อนข้างดี ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจออกมาดี ก็สื่อว่าจะมีการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงกันเพิ่มขึ้น เช่น ทองคำ หรือหุ้น และจะเป็นแรงกดดันต่อดอลลาร์ ทำให้ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าในช่วงสั้นๆ ได้
"เมื่อเช้ามีปัจจัยใหม่เข้ามา คือตัวเลข export-import ของจีนออกมาค่อนข้างดี จึงเป็นการสื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจดี คนจะเข้าไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงกันมากขึ้น เช่น ทอง หุ้น จึงเป็นตัวกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่าในช่วงสั้น" นักบริหารเงิน ระบุนักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.50 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 32.4200 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(10 ต.ค.) อยู่ที่ 1.87324% และ THAI BAHT FIX 6M(10 ต.ค) อยู่ที่ 1.87969%
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.10 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 107.71 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.2690 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.275 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.4300 บาท/ดอลลาร์
- สมาคมตลาดตราสารหนี้ระบุยอดออกหุ้นกู้ ปีนี้ทะลุเป้าแตะ 4.7 แสนล้านบาท ขณะที่ต่างชาติสะสมตราสารระยะยาวช่วง 4 เดือนที่ผ่านมากว่า 8 หมื่นล้านบาท สะท้อนความมั่นใจที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ส่วนต้นต.ค.ปีนี้เงินต่างชาติไหลออกต่อเนื่องทำให้สัดส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นเหลือ 17% ช่วยลดความผันผวนในตลาด
- ธปท.เผยคนระมัดระวังการใช้จ่ายบัตรเครดิต ทำยอดใช้จ่ายรวมหดตัว 142 ล้านบาทภายในเดือนเดียว พบแม้ปริมาณการใช้จ่ายในประเทศกระเตื้องขึ้น แต่การใช้จ่ายในต่างประเทศหดตัวถึง 16.27% รวมถึงการเบิกเงินสดล่วงหน้า ขณะที่ยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้น เล็กน้อย แต่จำนวนบัตรเครดิตยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากนอนแบงก์เป็นหลัก
- "พาณิชย์" แจงขึ้นแอลพีจี-เอ็นจีวี ไม่กระทบต้นทุนสินค้า เหตุรถบรรทุกส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซล ส่วนเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 0.0025% พร้อมปรับมาตรการดูแลสินค้าเดือน ต.ค. ดันแอลพีจีเติมรถยนต์ไว้กลุ่มอ่อนไหว เพื่อติดตามราคาใกล้ชิด ถอนสินค้าสุกรชำแหละออก เหตุอากาศเย็นทำผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น
- "บีโอไอ" เผยยอดขอรับส่งเสริมลงทุนก.ย.ฟื้นตัวสูงสุดรอบปี แตะ 1.76 แสนล้านบาทหลังกลุ่มพลังงานลงทุนยื่นขอร่วมกว่าแสนล้านบาท ส่งผลทำให้ภาพรวมการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนตลอด 9 เดือน มีมูลค่า กว่า 5.9 แสนล้านบาท พร้อมมั่นใจทิศทางลงทุนดีขึ้นเชื่อยอดรวมทะลุเป้า 7 แสนล้านบาท
- นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ประกาศความพร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อปกป้องเศรษฐกิจยูโรโซนให้รอดพ้นจากภาวะเงินฝืด และพร้อมที่จะใช้มาตรการแทรกแซงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังย่ำแย่
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักในรอบสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากมีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปค) ปรับตัวสูงขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 85.82 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 90.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,221.7 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดทั้งสัปดาห์นั้น สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์