ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม กนย.ว่า รัฐบาลเตรียมมาตรการช่วยเหลือชาวสวนยาง เป็นมาตราการระยะสั้นไว้ 4 แนวทาง ในวงเงินรวม 4.8 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย การให้องค์การสวนยาง(อ.ส.ย.)รับซื้อยางจากเกษตรกรเก็บเข้าสต็อคแบบที่เรียกว่ามูลพันธ์กันชน โดยใช้วงเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ราว 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงวันที่ 22-24 ต.ค.นี้
"ยืนยันว่า สต็อคที่รัฐบาลซื้อเข้ามาจะไม่เกิด Dead Stock เพราะขณะนี้รัฐบาลได้ติดต่อและมีออเดอร์เข้ามาทุกเดือน ถึงกล้าซื้อเข้ามาในสต็อค" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
สำหรับมาตรการที่ 2 ทาง ธ.ก.ส.จะกันวงเงินราว 1 หมื่นล้านบาทปล่อยกู้ให้กับสหกรณ์การเกษตรไปใช้รับซื้อยางแผ่นจากชาวสวนยางมาอัดเป็นก้อนแล้วขายให้ อ.ส.ย.
มาตรการที่ 3 ธนาคารพาณิชย์ 6 แห่งจะให้สินเชื่อกับภาคธุรกิจผลิตน้ำยางข้นเพื่อรับซื้อน้ำยางสดจากชาวสวนยาง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารธนชาต ในวงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ยผ่อนปรน 5% ซึ่งรัฐบาลอุดหนุนให้ 3%
และ มาตรการที่ 4 ให้ความช่วยเหลือด้านต้นทุนการผลิตกับเกษตรกรรายย่อย โดยรัฐบาลจะให้เงิน 1 พันบาท/ไร่ แต่ไม่เกิน 15 ไร่ หรือไม่เกินรายละ 15,000 บาท โดยใช้วงเงินจาก ธ.ก.ส. ในวงเงิน 8.5 พันล้านบาท
"เชื่อว่ามาตรการทั้งหมดที่ออกมา จะช่วยดันราคาขึ้นไปที่ 60 บาทได้ภายใน 1-2 เดือนนี้" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับมาตรการระยะยาว จะมีการให้วงเงินกู้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยที่มีสวนยางไม่เกิน 15 ไร่ เพื่อสนับสนุนให้มีอาชีพเสริม ด้วยการให้สินเชื่อระยะยาว 5 ปีรายละไม่เกิน 1 แสนบาท หากมีการโค่นต้นยางแล้วปลูกพืชเศรษฐกิจประเภทอื่น เช่น ปาล์มน้ำมัน โดย ธ.ก.ส.ตั้งวงเงินทั้งหมดไว้ 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ มาตรการทั้งหมดจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้าและเริ่มดำเนินการได้ทันที