ส่วนการดำเนินงานในปีนี้ บตท. ซื้อพอร์ตสินเชื่อบ้านจากสถาบันการเงินชั้นนำ 6,400 ล้านบาท คาดว่าจะซื้อเพิ่มจนถึงปลายปีอีก 3,000-4,000 ล้านบาท รวมเป็นยอดจัดซื้อทั้งปีกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมาย 5000 ล้านบาท โดยมีการรับมอบสินเชื่อล็อตแรกจากธนาคารไทยพาณิชย์ครบแล้ว 5,000 ล้านบาท และได้เซ็นสัญญาสำหรับล็อตที่สองอีก 5,000 ล้านบาทแล้ว
ปัจจุบัน บตท.ร่วมกับธนาคารทิสโก้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว 10 ปี ซึ่งฟิกซ์ยาวที่สุดในประเทศขณะนี้ กำลังทยอยเสนอลูกค้า ซึ่งทิสโก้จะเป็นผู้วิเคราะห์และอนุมัติสินเชื่อในฐานะตลาดแรก และนำมาขายตามคุณภาพและหลักเกณฑ์ที่ บตท. กำหนด ที่ผ่านมานับว่าลูกค้าที่ทิสโก้นำมาขายให้กับ บตท. เป็นลูกค้าทีมีคุณภาพ และไม่กลายเป็น NPL เลยซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความเข้าใจเรื่องการเงินเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่เลือกระยะยาว 7 ปีแทบทั้งสิ้น นับเป็นผลตอบรับที่ดีสำหรับลูกค้าธนาคารทิสโก้
สำหรับการออกตราสาร MBS (ตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์สินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำ) ในวงเงิน 4,081 ล้านบาท อายุ 5 ปี ดอกเบี้ย 4.25% ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนเกินเป้าหมายถึง 1.7 เท่าหรือยอด 5,600 ล้านบาทจากยอดขาย 3,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสถาบัน เช่น สำนักงานประกันสังคม สถาบันการเงิน กองทุนต่างๆ และประกันภัย ทำให้ บตท. ต้องเตรียมวางกลยุทธ์เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนในปีหน้าต่อไป
นางพรนิภา กล่าวว่า ในปี 57 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 80 ล้านบาท และได้สำรองเป็น general reserve เพิ่มอีก 30 ล้านบาทเพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับ บตท. สัดส่วน NPL เป็น 2.5 % ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการให้ความสำคัญกับการคัดเลือกคุณภาพสินทรัพย์ที่ซื้อจากธนาคารและการบริหารความเสี่ยงเป็นหลัก ปัจจุบันสินทรัพย์รวมกว่า 16,340.7 ล้านบาท BIS Ratio เท่ากับ 13.9%
นอกจากนี้ บตท. ได้ร่วมกับองค์กรตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยแห่งประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว ในญี่ปุ่นที่ยาวถึง 35 ปี ผ่าน Mortgage Bank หรือ บริษัทสินเชื่อเคหะการ ซึ่งมียอดให้สินเชื่อมากถึง 26% ของสินเชื่อทั้งระบบ ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่จะช่วยให้ประชาชนที่กู้เงินลดความเสี่ยงผันผวนของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้