ปธ.บอร์ด อคส.สั่งเร่งเคลียร์หนี้คืนเอกชน หากจนท.ทุจริตสั่งฟันไม่เลี้ยง

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 7, 2014 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า(อคส.) สั่งเร่งเคลียร์หนี้ ทั้งเงินค้ำประกัน ค่าเช่า ค่ารมยา ให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการจำนำตั้งแต่ปี 54/55 - ปี 56/57 ราว 2 หมื่นล้านบาท หลังจ่ายล่าช้ามาหลายปี ย้ำผู้ประกอบการไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งสิ้น หากพบเจ้าหน้าที่ อคส.เรียกเงินใต้โต๊ะจะดำเนินคดีถึงที่สุด

"อคส.พยายามเร่งรัดเงินค้ำประกันให้ผู้ประกอบการ บางรายโครงการจบไปหลายปีแล้วแต่ยังไม่ได้คืน ขอย้ำว่าการคืนเงินค้ำประกัน ผู้ประกอบการไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งสิ้น ถ้าพบว่าเจ้าหน้าที่ อคส.เรียกเก็บเงินใต้โต๊ะ หรือมีการทุจริตแม้แต่บาทเดียวก็ต้องเอาโทษให้ถึงที่สุด ไม่ใช่แค่โทษทางวินัย ลดขั้น หรือหักเงินเดือนเท่านั้น แต่ต้องทำให้ไม่มีงานทำเลย และอยากให้ผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่ อคส.เรียกเก็บเงินใต้โต๊ะแจ้งเบาะแสมาได้ที่ อคส.หรือที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569" นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการ อคส.กล่าว

ทั้งนี้ ในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรตั้งแต่ปี 54/55 - ปี 56/57 อคส.มีภาระต้องคืนเงินค้ำประกันให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาล เช่น โรงสี ภายหลังจากโครงการรับจำนำสิ้นสุดแล้วไม่ต่ำกว่า 1,500 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ อคส.ได้เร่งรัดการคืนเงินค้ำประกันให้ไปแล้ว 34 ราย คิดเป็นเงิน 321 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาคืนให้อีก 369 ราย คิดเป็นเงิน 369 ล้านบาท

สาเหตุที่มีการคืนเงินค้ำประกันล่าช้าแม้โครงการรับจำนำสิ้นสุดไปนานแล้ว เพราะ อคส.ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานอย่างละเอียด จึงต้องใช้เวลานาน อีกทั้งผู้ประกอบการบางรายทำผิดสัญญากับ อคส. เช่น โรงสีบางรายเมื่อสีแปรสภาพข้าวเปลือกจากการรับจำนำเป็นข้าวสารแล้วส่งมอบให้ อคส.ล่าช้ากว่ากำหนดจึงต้องถูกปรับ แต่บางรายยังไม่ยอมเสียค่าปรับ อคส.จึงยังคืนเงินค้ำประกันไม่ได้ ส่วนที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ อคส.เรียกรับเงินใต้โต๊ะผู้ประกอบการก่อนการคืนค้ำประกันหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบและไม่ขอพูดถึง

นอกจากนี้ ยังได้เร่งรัดการคืนเงินค่าเช่าโกดัง-คลังสินค้า ค่ารมยาสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาล ให้กับผู้ประกอบการแล้ว 1,140 ล้านบาท ทั้งนี้ อคส.ตั้งเป้าจะคืนเงินค้ำประกันและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ราว 20,000 ล้านบาทให้กับผู้ประกออบการได้ภายใน 4 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 5,000 ล้านบาท ซึ่งต้องขออนุมัติเงินงบประมาณจากรัฐบาล

สำหรับสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาลที่ อคส.ดูแลทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้น หากสูญหายตนในฐานะประธานบอร์ด อคส.จะไม่ปล่อยปละละเลยแน่นอน แต่จะแจ้งความดำเนินคดี และได้สั่งการเจ้าหน้าที่ อคส.ไปแล้วว่า ทุกคดีให้ส่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)หมด เพราะถือว่าสินค้าเกษตรเหล่านั้นเป็นทรัพย์สินของหลวงและต้องมีคนรับผิดชอบ ซึ่ง อคส.จะต้องดำเนินการตามนโยบายของ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการให้หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงพาณิชย์ปลอดการทุจริต หรือซีโร่ คอรัปชัน ส่วนข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลในความดูแลของ อคส.ล่าสุดมีประมาณ 13 ล้านตัน ในจำนวนนี้มีภาระผูกพัน 500,000 ตัน ยังเหลือที่ขายได้อยู่อีกราว 12.5 ล้านตัน


แท็ก ประกัน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ