สำหรับ Digital Government ในช่วงแรกนั้นทางสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ EGA ได้วางรากฐานชั้นดีเอาไว้แล้ว ตั้งแต่การสร้างระบบ Government Information Network หรือ GIN อันเป็นระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ ที่เชื่อมต่อกับทุกหน่วยงานภาครัฐทำให้เกิดโครงข่ายการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ มีระบบ Government Cloud Computing หรือ G-Cloud ที่รองรับทั้ง Infrastructure as a Service, Platform as a Service จนถึง Application as a Service ซึ่งภาครัฐในช่วงสองปีมานี้ตื่นตัวในการใช้ระบบนี้จำนวนมาก ซึ่งโครงสร้างเหล่านี้ทำให้การปรับเปลี่ยนภาครัฐเข้าสู่ยุค Digital Government ทำได้ง่ายขึ้น
ในปีนี้โครงการสำคัญของ EGA ที่จะดำเนินการเรื่อง Mobile Government และ Open Government Data ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะวางฐานเพื่อสร้างการต่อยอดจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งจะทำให้ Digital Government ผลักดันภาคอุปสงค์ลงสู่ภาคประชาชนได้อย่างเต็มตัว เกิดนวัตกรรมใหม่ เกิดการสร้างงานใหม่ๆ จากการนำข้อมูลภาครัฐ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไปใช้งานให้เกิด Business Model หรือ ความคิดทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างไม่สิ้นสุด
นอกจากเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างเครื่องมือในการเป็น Digital Economy โดยผ่าน Digital Government แล้ว ในส่วนของภาครัฐจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรรองรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ด้วย จะเห็นว่ากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT ได้ร่วมมือกับ EGA ในการวาง Digital Government Organization เอาไว้แล้ว ว่าควรจะมีโครงสร้างคนอย่างไร รวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ที่จะรองรับ สิ่งที่ต้องเร่งมือและถือเป็นเรื่องเร่งด่วนคือ การสร้าง Digital Executive หรือ ผู้บริหารที่จะเข้ามารับผิดชอบด้านการปรับเปลี่ยนภาครัฐเข้าสู่ยุคดิจิตอล อย่างเช่น โครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว ก็สามารถสร้างบุคลากรรองรับได้อย่างดี ทำให้ผู้บริหารภาครัฐสามารถเข้าใจเศรษฐกิจยุคดิจิตอลและสามารถประยุกต์ไปใช้งานได้จริงในองค์กร
การสร้าง Digital Executive จะมีอย่างต่อเนื่อง และจะมีการลงรายละเอียดมากขึ้น ไม่เพียงแต่จะมี CIO ดังเช่นในอดีต แต่ต้องมี CDO หรือ Chief Data Officer ที่ต้องเข้ามาดูเรื่องการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐโดยตรง และจะต้องมีคนที่เข้ามาดูเรื่อง Big Data และอื่นๆ มีหลายอย่าง เพื่อให้ภาครัฐมีความทันสมัย เท่าทันเทคโนโลยี และทำให้การบริการประชาชนสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับความต้องการของพวกเขา
ด้านนายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ EGA เปิดเผยว่า ในรอบปีที่ผ่านมานอกจากการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับให้หน่วยงานภาครัฐเข้าสู่การเป็น Digital Government แล้ว มาตรฐานของการบริการซึ่งถือว่าเป็นสาธารณูปโภคส่วนกลางเป็นหน้าที่ของ EGA ที่จะทำให้เกิดการยอมรับจากหน่วยงานรัฐด้วยกัน เนื่องจากนโยบายการผลักดันของ EGA จะเน้นความสมัครใจไม่ใช่การบังคับใช้งาน
หลังจากที่ EGA ได้รับมาตรฐานด้านความปลอดภัยด้านคลาวด์คอมพิวติ้งจาก CSA หรือ Cloud Security Alliance ซึ่งเป็นองค์กรที่คุมมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยบนระบบคลาวด์แล้ว ในรอบปีที่ผ่านมายังได้รับรางวัล FutureGov Award2014 ในสาขา Government Cloud Award จากโครงการ G-Cloud ของ EGA และ สาขา Information Management Award จากโครงการ e-Sarabun ของ EGA ซึ่งรางวัลนี้แสดงให้เห็นว่าในระดับนานาชาตินั้นมีความเชื่อมั่นในระบบและบริการของ EGA อย่างมา ก และยังเห็นว่า EGA มีวิสัยทัศน์ที่ล้ำหน้ากว่าหน่วยงานรัฐในอีกหลายประเทศ
นอกจากนั้น EGA ยังได้รับการรับรองระบบมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ หรือ ISO/IEC27001:2005 ในด้านบริการ G-Cloud ในระดับ IaaS หรือ Infrastructure as a Service จาก บริษัท บีเอสไอ กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นการสะท้อนถึงการบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศที่เป็นมาตรฐานสากล มีแผนการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจในบริการและความปลอดภัยของข้อมูล
การวางรากฐานการบริการให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากลของ EGA เพื่อที่จะทำให้เกิด Digital Organization ทำให้ภาครัฐที่จะเข้ามาใช้บริการสามารถได้รับบริการที่ดีได้ทันทีที่ร้องขอ ขณะเดียวกัน EGA ก็จะพัฒนาผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐให้เข้ามาใช้ทรัพยากรเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเน้นแนวทางการมีส่วนร่วมของแต่ละหน่วยงานเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็จะดึงความคิดเห็นและแนวทางการทำธุรกิจของภาคเอกชนมาต่อยอดด้วย
ในปีหน้า EGA จะเพิ่มโครงสร้างพื้นฐาน เช่นการต่อเชื่อมผ่านระบบ GIN การสร้างระบบคลาวด์คอมพิวติ้งให้รองรับหน่วยงานรัฐมากขึ้น ขณะเดียวกันจะเน้นให้ภาครัฐเปิดเผยข้อมูลเป็น data set เพื่อให้ทุกหน่วยงานสร้าง API มาต่อเชื่อม และเกิดเป็นมูลค่าเพิ่ม โดยมีภาคเอกชนมาต่อยอดทั้งจากการนำ data set ในโครงการ Open Data ไปสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ และการผลักดันให้เกิดแอพพลิเคชั่นภาครัฐที่ใช้งานบนเครื่องติดตามตัวทั้งหลายอีกด้วย