"กรรมการส่วนใหญ่ประเมินว่านโยบายการเงินปัจจุบันยังผ่อนปรนเพียงพอต่อเศรษฐกิจที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวในปี 58 และสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว อย่างไรก็ดี กรรมการ 2 ท่านเห็นว่าควรผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงกว่าคาด ในสภาวะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่อต่อเนื่อง"นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) กล่าว
สำหรับประเด็นที่คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญในการตัดสินนโยบาย มีดังนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/57 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาด โดยการฟื้นตัวยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ และมีการใช้จ่ายในประเทศของภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก สำหรับปี 58 เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อัตราการเติบโตจะต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อน เพราะแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายภาคการคลังน้อยกว่าคาด ส่งผลต่อากรลงทุนภาคเอกชนที่ส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐ
นอกจากนี้ การฟื้นตัวของภาคการส่งออกสินค้ามีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ขณะที่การท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าปกติ
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงตามราคาพลังงาน และคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งตามราคาน้ำมันโลก ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงเล็กน้อยตามแรงกดดันจากด้านอุปสงค์ที่ลดลงจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า แต่สถียรภาพเศรษฐกิจการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยความเสี่ยงสะสมจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาระยะหนึ่งยังอยู่ในวงจำกัด
ส่วนในระยะต่อไป กรรมการเห็นสอดคล้องกันว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับที่ผ่อนปรน เพื่อช่วยประคองให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งขึ้น ซึ่งปัจจัยที่สำคัญอีกประการคือการเร่งรัดการใช่จ่ายภาครัฐให้เป็นไปตามเป้าหมาย